ทำไมธุรกิจยุคนี้ต้องทรานส์ฟอร์มถึงจะอยู่รอด
การทำธุรกิจสมัยนี้ เราไม่อาจทำแบบเดิม ขายแบบเดิม บริหารแบบเดิมได้อีกต่อไป เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้นจึงเข้ามาเปลี่ยนแปลง ทำให้ธุรกิจที่ทำอยู่ดียิ่งขึ้น
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในประเภทธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งจากโรคระบาดนี้เองที่ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องกักตัว ไม่กล้าออกจากบ้าน และไม่ต้องการเดินทางไปยังที่ที่มีคนพลุกพล่านอย่างสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ นั่นเอง ซึ่งผลกระทบตรงนี้ทำให้ธุรกิจร้านอาหาร ที่พัก การเดินทางต่างๆ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวต้องหยุดชะงัก และมีหลายคนที่ต้องปิดกิจการไปเพราะสภาพคล่องทางธุรกิจไม่เพียงพอจะมาค้ำจุนให้ผ่านสถานการณ์นี้ไปได้
และหลังจากประเทศไทยสั่งเลิกล็อกดาวน์แล้ว ธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มกลับมาทำงานได้ตามปกติ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถทำธุรกิจในรูปแบบเดิมได้อย่างประสบความสำเร็จอีกต่อไป เพราะต่อจากนี้ผู้บริโภคจะเรียนรู้การใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า New Normal ซึ่งเป็นสิ่งที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้องเรียนรู้ เพราะมันจะเป็นรูปแบบการทำธุรกิจขั้นพื้นฐานที่แตกต่างจากเดิมไปตลอดกาล
1. ธุรกิจร้านอาหาร
สำหรับธุรกิจร้านอาหาร New Normal ส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่สามารถปรับตัวได้ง่าย และเริ่มมองเห็นภาพความเปลี่ยนแปลงกันบ้างแล้ว เช่น การจัดโต๊ะอาหารให้เว้นที่ว่างหนึ่งที่เสมอ การเปลี่ยนระบบบริการให้มีมาตรฐานสุขอนามัยที่ชัดเจน มีการสร้างระบบจองคิวต่างๆ ขึ้นมาใช้งาน เพื่อป้องกันการยืนรอหน้าร้าน และสร้างความแออัดซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงตามมา
ที่สำคัญร้านอาหารส่วนใหญ่ในอนาคตจะลงทุนในหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารมากขึ้น เพราะนอกจากจะช่วยให้ลดภาระค่าใช้จ่ายการจ้างพนักงานแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ให้ผู้บริโภครู้สึกอุ่นใจมากกว่าการให้คนยกถาดอาหารมาเสิร์ฟแบบเดิม
2. ธุรกิจเดินทางท่องเที่ยว
ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจเดินทางท่องเที่ยวนั้นจะต้องเกิดการปรับตัวกับ New Normal ยุคใหม่ที่มากกว่าใคร เพราะด้วยการเดินทางสาธารณะระยะทางไกลกับคนที่ไม่รู้จัก ซึ่งไม่สามารถมั่นใจในความปลอดภัยได้ เช่น การเดินทางผ่านรถทัวร์ หรือเครื่องบินต่างๆ นั้นอาจทำให้ยอดขายต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นการปรับตัวแบบใหม่จึงต้องมีการเว้นระยะห่างระหว่างที่นั่งเพิ่ม Social Distance มากขึ้น ทำให้จะต้องสูญเสียกำไรที่ควรได้ไปอย่างน่าเสียดาย
นอกจากการนั่งที่เว้นที่แล้ว ยังต้องเพิ่มมาตรการลดการสัมผัสระหว่างเดินทางให้มากที่สุด เช่น ประตูต่าง ๆ ใช้แบบอัตโนมัติ และมีเจลล้างมือสำรองไว้สำหรับที่นั่งทุกที่
3. ธุรกิจสวนสัตว์
สวนสัตว์เป็นหนึ่งในธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงมาก และมีคนใช้บริการตลอดทั้งปี เป็นแหล่งรวมผู้คนในสถานที่จำกัด ทำให้ New Normal ของการไปเที่ยวสวนสัตว์ในปี 2564 จะเปลี่ยนไปเช่นกัน คนจะหันมาเที่ยวแบบเสมือนจริงผ่านแอปพลิเคชันกันมากขึ้น ดูสัตว์ผ่าน VR หรือมีคนพาเที่ยวชมสัตว์ป่าต่างๆ ด้วยเทคโนโลยีกล้อง 360 องศา เปรียบเสมือนการดูสารคดีที่ให้ความรู้สึกสมจริง และน่าสนใจกว่าเดิม
รวมถึงทางธุรกิจสวนสัตว์ต่าง ๆ อาจมีการปรับตัวด้วยการเปิดให้ชมการส่องสัตว์แบบ Live Steaming ที่ให้ได้เห็นสัตว์แบบ Real-Time แม้จะอยู่บ้านและดึกแค่ไหนก็ตาม
4. สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต้องจำกัดการเข้าชม
การเที่ยวแต่ละครั้งในสถานที่แออัด หรือมีพื้นที่จำกัดนั้น ในอนาคตจะมีการปรับตัวให้ต้องลงชื่อ ต่อคิวกันใช้บริการ เหมือนอย่างที่อุทยานแห่งชาติต่าง ๆ ได้ทำมาตลอด ซึ่งจะช่วยลดการระบาดของเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังง่ายต่อการจัดการ ดูแล เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมให้ดีอย่างต่อเนื่อง ไม่ถูกทำลายด้วยน้ำมือของมนุษย์อีกด้วย
