เจ๊งมาเยอะ! มาดู 8 ทางรอดธุรกิจร้านอาหาร ทำแบบไหนให้ไปต่อและไม่ต้องล้มตายกลางทาง


ธุรกิจร้านอาหารเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยตรง ทำให้ร้านอาหารทั่วประเทศต้องปิดตัวลง ไม่ได้รับรายได้ไปหลายเดือน ซึ่งบางที่ยังคงต้องจ่ายทั้งค่าเช่า และค่าจ้างพนักงานตามหลักกฎหมายอยู่ดี ด้วยความยากนี้จึงทำให้ร้านอาหารที่มีสายพานไม่ยาว มีสภาพคล่องทางการเงินต่ำ ต้องปิดกิจการไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งถึงแม้จะสามารถเปิดให้บริการแบบเดลิเวอรี่ได้ แต่นั่นก็ยังทำให้ธุรกิจร้านอาหารนั้นมีรายได้ลดลงมากกว่า 50%

ด้วยเหตุนี้ร้านอาหารต่าง ๆ จึงเรียกร้องและรอคอยให้ถึงวันที่จะปลดล็อกประเทศ กลับมาเปิดร้านได้แบบเต็มขั้นตอนบริการ และสามารถให้ลูกค้ามานั่งที่ร้านได้ตามเดิมเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ

จากผลของตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในประเทศไทยนี้ เป็นโอกาสดีที่ทำให้ร้านอาหารสามารถกลับมาขายบริการได้ตามเดิม และนี่คือ 8 New Normal ที่ธุรกิจร้านอาหารทุกที่ต้องปรับตัว หากอยากมัดใจผู้บริโภคให้กลับมาใช้บริการดังเดิม

1. มีมาตรการที่ชัดเจนก่อนเข้าร้าน

ถึงแม้หลังล็อกดาวน์จะสามารถเปิดให้ลูกค้าสามารถมาทานอาหารที่ร้านได้ แต่ทุกร้านเองยังคงต้องมีมาตรการที่รัดกุม ชัดเจน เพื่อให้ลูกค้าท่านอื่นๆ เห็นถึงความปลอดภัยที่จะมานั่งใช้บริการที่ร้านของคุณด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมเครื่องวัดอุณภูมิไว้เช็กก่อนเข้าร้าน การให้บริการเจลแอลกอฮอล์ไว้ทุกโต๊ะอาหาร และหน้าร้าน รวมถึงมีการจัดระเบียบการรอคิวที่หน้าร้านอย่างดี เว้นที่ว่างให้กันอย่างชัดเจน

2. จำกัดจำนวนคนเข้าร้าน ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย

ร้านอาหารส่วนใหญ่จะมีการออกบัตรคิวเพื่อให้ลูกค้ารอใช้บริการกันอยู่แล้ว เพียงแต่การยืนแออัดอยู่หน้าร้าน จะยิ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้น และทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูแย่ เพราะฉะนั้นนอกจากจะจัดที่นั่งสำหรับการต่อคิว หรือพื้นที่รอคิวอย่างดีแล้ว ยังควรนำเทคโนโลยีเรียกคิวเข้ามาช่วย เพื่อลดจำนวนคนรอคิวหน้าร้าน สร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้า สามารถกระจายกันเดินช้อปปิ้งที่ต่าง ๆ ก่อน และมาที่ร้านเมื่อใกล้ถึงคิวของตัวเอง

3. เว้นระยะห่าง 1 เมตรทุกที่นั่ง

สำคัญที่สุดในการจัดร้านอาหารให้ปลอดภัย คือต้องเว้นระยะห่าง 1 เมตรในทุก ๆ ที่นั่ง พร้อมทำสัญลักษณ์ให้เห็นได้ชัดเจนว่าตรงไหนนั่งได้ ตรงไหนห้ามนั่ง ซึ่งทางที่ดีควรจัดทำ Table Shield หรือฉากกั้นบนโต๊ะอาหารด้วย เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้าทุกคน

4. ไม่วางอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องปรุง ไว้บนโต๊ะ

จากที่ร้านอาหารจะติดภาพว่าต้องมีเครื่องปรุงวางไว้ มีช้อน ส้อม ให้หยิบได้สะดวก หรือแม้แต่มีทิชชูให้หยิบใช้งาน New Normal ใหม่ที่จะเกิดขึ้นคือ โต๊ะที่ว่างเปล่า รออาหารมาเสิร์ฟเพียงอย่างเดียว จะไม่มีอุปกรณ์ เครื่องปรุงบนโต๊ะอีกต่อไป เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ แต่มีเครื่องปรุงชนิดซองมาให้ใช้แทนในแต่ละเมนู

5. บริการบุฟเฟต์ หมดสิทธิ์

ไม่ว่าจะร้านชาบู หมูกระทะ หรือบุฟเฟต์ใด ๆ ก็ตาม หลังจากนี้จะหมดสิทธิ์ให้บริการอีกต่อไป เพราะยิ่งใช้สิ่งของร่วมกันมากเท่าไหร่ โอกาสของการติดเชื้อไวรัสก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเมนูของร้านอาหารต่าง ๆ จะเปลี่ยนไป เหลือแค่เมนูที่เสิร์ฟเป็นจานอย่างเดียว

6. เช็ดทำความสะอาดโต๊ะทุกครั้ง

ถึงแม้การทำความสะอาดโต๊ะอาหารหลังมีผู้ใช้บริการเสร็จ จะเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป แต่ New Normal พฤติกรรมใหม่ที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้คือ การใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดแทน รวมถึงมีการจัดทำ Big Cleaning ด้วยการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับอุปกรณ์ และสถานที่โดยรอบ อย่างน้อย ๆ สัปดาห์ละครั้งสร้าง โอกาสทางธุรกิจ ให้กลับมา

7. เปลี่ยนจากเงินสด เป็นระบบโอนเงิน

ไม่เพียงแต่ร้านอาหารเท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองมาใช้ระบบการจ่ายเงินแบบ Cashless Payment แต่ทุกบริการทั่วโลกจะหันมาใช้ New Normal นี้กันหมด เพื่อเป็นการลดการสัมผัสกัน ซึ่งเงินนั้นเป็นสิ่งที่ถูกจับต้องผ่านมือคนมากที่สุด และเชื้อไวรัสสามารถติดอยู่บนธนบัตรได้นานถึง 9 วัน ดังนั้นวิธีจ่ายเงินโดยการรับโอนก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมากทีเดียว

8. เขียนชื่อ สาขา ของร้านติดหน้ากล่องทุกครั้ง

สำหรับใครที่สั่งอาหารแบบกลับบ้าน หรือ Take Home ก็จะเกิดพฤติกรรมใหม่ๆ จากทางร้านอาหารที่ต้องเขียนชื่อคนทำ ชื่อร้าน สาขาของร้าน และข้อมูลติดต่อกลับเอาไว้ที่หน้ากล่องทุกกล่อง ทุกครั้ง เพื่อจะได้สามารถตามตัวได้ หากบุคลากรภายในร้านเป็นคนที่ติดเชื้อไวรัสเสียเอง เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง

ทั้งหมดนี้คือแนวโน้ม New Normal ของธุรกิจร้านอาหารที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจบโควิด-19 ซึ่งบางอย่างอาจจะไม่เกิดขึ้นจริง แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีหากคุณได้รับรู้ และเตรียมตัวไว้ตั้งแต่วันนี้ เพราะทุกวิกฤตที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ธุรกิจที่จะอยู่รอดต่อไปได้ คือธุรกิจที่ปรับตัวได้ไวกว่าคนอื่นเสมอ