จับตา! ตลาดความงามหลังโควิด-19 จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างไร?


ความเปลี่ยนแปลงด้านตลาดเครื่องสำอางทั่วโลก นับว่ามีประเด็นที่น่าติดตามกับคำถามที่ว่า ‘ตลาดความงามหลังโควิด-19 จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างไร’ ซึ่งมีข้อมูลบ่งชี้ว่า ผลพวงจากการล็อกดาวน์ ผู้คนส่วนใหญ่อยู่บ้าน ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการแต่งหน้า ทาปาก เขียวขอบตา หรืออื่นๆ ที่หากไปทำงานหรือออกนอกบ้านจะถูกแต่งแต้มแบบจัดเต็ม ตลาดนี้กำลังเกิดความเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน

ตัวอย่าง อาทิ ในช่วงวิกฤตสูงสุดของการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่รัฐบาลฝรั่งเศสมีมาตรการกักตัวประชาชน เป็นระยะเวลานานกว่า 2 เดือน สาวชาวปารีสที่ธรรมดาขึ้นชื่อว่ารักสวยรักงามเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ยังลดระดับการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงและเสริมความงามลง

อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่รัฐบาลผ่อนผันมาตรการกักตัวและวิถีชีวิตเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ตลาดเครื่องสำอางและประทินโฉมสำหรับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในฝรั่งเศส ซึ่งนับรวมมูลค่าจากร้านค้าน้ำหอมและเครื่องประทินโฉม ห้างสรรพสินค้า ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรค COVID-19 อย่างหนัก

โดยในปี 2562 ตลาดดังกล่าวมียอดขายสูงถึง 2,974 ล้านยูโร (คิดเป็นยอดขายเฉลี่ยเดือนละประมาณ 247.83 ล้านยูโร) จากการสำรวจของบริษัท NPD Group พบว่า เมื่อเดือนเมษายน 2563 ยอดขายกลับลดเหลือเพียง 22 ล้านยูโร เท่านั้น

โดยสินค้าแต่ละชนิดได้รับผลกระทบในระดับที่แตกต่างกัน สินค้าที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ได้แก่ครีมบำรุงผิวหน้า และผิวกาย ผลิตภัณฑ์บำรุงผม ลิปบาล์ม ซึ่งกลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงการกักตัว รวมไปถึงสินค้าที่น่าแปลกใจที่สุดคือ ยาทาเล็บ อาจเป็นเพราะสาวๆ มีเวลาในการใส่ใจต่อรายละเอียดบนร่างกายมากขึ้น และต้องการเพิ่มสีสันเสริมความสวยงามให้แก่ตัวเอง เพื่อให้รู้สึกดีและสบายใจมากขึ้น หรือผลมาจากการสั่งปิดร้านเสริมสวยและร้านทำเล็บ จึงทำให้สาวๆ จำเป็นต้องหัดเสริมความงามด้วยตนเอง

โดยสินค้าที่ได้รับผลกระทบสูงสุด คือ ลิปสติก ยอดขายทางออนไลน์ลดลงมากถึงร้อยละ 58 ในเดือนเมษายน 2563 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2562

ขณะที่ปัจจุบันหลายคนกลับเข้าสู่วิถีการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันตามเดิมแล้ว แต่การต้องใส่หน้ากากอนามัยทำให้สาวๆ ฝรั่งเศสหันมาให้ความสำคัญกับส่วนของใบหน้าที่ไม่ถูกปิดบัง ได้แก่ ผิวหน้าส่วนบน และดวงตา ส่งผลให้ยอดขายเครื่องสำอางสำหรับแต่งดวงตาปรับตัว สูงขึ้นถึงร้อยละ 116 ในเดือนเมษายน 2563 โดยเฉพาะในกลุ่มมาสคาร่าที่มียอดขายเพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 150

ดังนั้นหากการใส่หน้ากากอนามัยที่นับว่ากลายมาเป็นเรื่องธรรมดาแบบใหม่ในชีวิตประจำวัน ยังคงต้องถือปฏิบัติต่อไปในระยะกลางถึงระยะยาว คาดว่ายอดขายเครื่องสำอางสำหรับการแต่งดวงตา เช่น มาสคาร่า ดินสอเขียนตา น่าจะสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต

สำหรับลิปสติก ซึ่งเป็นส่วนที่ซ่อนภายใต้หน้ากากอาจจะทำให้เกิดการเปรอะเปื้อนหน้ากาก และอาจส่งผลกับการเปื้อนใบหน้าด้วย สาวๆ จึงมักใช้แค่ลิปบาล์มบำรุงริมฝีปากเท่านั้น

ด้านเครื่องสำอางแบบติดทนนาน กันน้ำ กันเหงื่อ หรือกันเลอะเลือนกลับมาได้รับความนิยมสูงขึ้นมาก ในช่วงเวลาที่สาวๆ จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยในชีวิตประจำวัน

ส่วนเครื่องสำอางที่ใช้ในการแต่งหน้า แบบคอนทัวร์ริ่งยอดฮิต ซึ่งใช้โทนสีเข้มและสีอ่อนเพื่อเน้นแสงเงาบนทั่วใบหน้า จากที่มีกระแสนิยมอย่างกว้างขวาง เริ่มจากในโลกของ Social media มาจนถึงในโลกของชีวิตประจำวันเป็นเวลาติดต่อกันในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันกลับได้รับความสนใจน้อยลง

อ่านต่อได้ที่