6 สิ่งไม่สำคัญที่คนสำเร็จรู้ แต่คนทั่วไปกลับยึดถือจนเสียเวลาชีวิตโดยเปล่าประโยชน์


คนที่ทำธุรกิจไม่ว่าใครต่างก็มุ่งหวังที่จะประสบความสำเร็จกันทั้งสิ้น แต่เพราะความพยายามที่มากเกินไป ในบางครั้งมันก็เป็นเครื่องมือฉุดรั้งเราไม่ให้เข้าใกล้ความสำเร็จได้โดยไม่รู้ตัว เพราะมีหลายคนที่มัวแต่ไปโฟกัสกับจุดที่มันไม่จำเป็น จนทำให้ไม่ได้ลงมือทำในสิ่งที่จะเป็นผลดีกับธุรกิจหรือองค์กรของตัวเองเสียที

ซึ่งทั้ง 6 สิ่งนี้นอกจากมันจะไม่ช่วยให้งานเดินแล้ว มันยังทำให้คุณต้องเหนื่อยหนักขึ้นกว่าที่ควร และเป็นตัวฉุดรั้งไม่ให้คุณก้าวไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคนที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายต่างละทิ้งสิ่งนี้กันทั้งสิ้น มีแค่เพียงผู้ประกอบการหน้าใหม่ หรือคนทั่วไปที่ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาอย่างโชกโชนเท่านั้นที่คิดว่ามันจำเป็นและทุ่มเทกับมันอย่างเต็มที่ ทั้งที่จริงๆ แล้ว 6 ข้อนี้เป็นสิ่งที่คุณควรจะหลีกเลี่ยงด้วยซ้ำหากอยากประสบความสำเร็จ

1. ทำใจยอมรับว่าไม่มีอะไรเพอร์เฟคต์
ความเพอร์เฟคต์ หรือสมบูรณ์แบบในการทำธุรกิจนั้นไม่มีอยู่จริง โดยเฉพาะตอนเริ่มต้น หลายคนพยายามจะจัดการทุกอย่างให้มันลงตัวตั้งแต่วันแรก รอจนอะไรๆ มันดีและสามารถใช้งานได้จริงแบบที่หวังเอาไว้ทุกประการก่อนถึงจะลงมือทำ ซึ่งในความเป็นจริงมันยากมากจนถึงขั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะการทำธุรกิจต้องอาศัยการพัฒนาต่อยอด คุณไม่มีทางรู้ว่าอะไรจะดี หรืออะไรจะไม่ดี บางอย่างคนหนึ่งทำแล้วประสบความสำเร็จ แต่คุณทำแล้วอาจจะไม่ดีก็ได้ เพราะฉะนั้นเริ่มลงมือตั้งแต่ยังไม่พร้อม ค่อยๆ ปรับปรุงพัฒนาไปตลอดทาง นั่นต่างหากคือการเข้าหาความสำเร็จที่ไวและดีที่สุด

2. อย่าฝืนทำ ถ้าไม่ไหวให้ขอความช่วยเหลือ
แน่นอนว่าคนที่จะทำธุรกิจส่วนตัวได้ จะต้องมีคุณสมบัติสำคัญ นั่นคือความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งสิ่งนี้มันเป็นข้อดีให้คุณกล้าที่จะเริ่มต้นทำสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าทุกสิ่งที่คุณทำมันจะประสบความสำเร็จ หรือดีไปเสียหมด มันจะมีบางอย่างที่คุณอาจทำไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะต้องแก้ไขยังไง บางปัญหาอาจหนักเกินไปสำหรับคุณ ซึ่งมันไม่แปลกเลยที่จะวางทิฐิของตัวเองทิ้งไว้ และขอความช่วยเหลือจากคนที่เขารู้จริง เก่งจริงในด้านนั้นๆ ซึ่งการถาม หรือขอความช่วยเหลือ มันไม่ได้แปลว่าคุณไร้น้ำยา แต่มันหมายความว่าคุณกล้าที่จะเผชิญหน้าความเป็นจริง และพร้อมจะพาธุรกิจสู่ความสำเร็จที่ตั้งไว้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

3. กล้าที่จะเสี่ยง อย่าอยู่แต่ในเซฟโซน
Safe Zone เป็นพื้นที่ปลอดภัยของคนทำธุรกิจทุกคน เราจะมีพื้นที่นี้อยู่โดยไม่รู้ตัว นั่นคือพื้นที่ที่เรารู้สึกว่าเราไม่ต้องทำอะไรก็อยู่ได้ ไม่ต้องพัฒนาอะไรก็สำเร็จได้ อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว ไม่ต้องดิ้นรนอะไรมากขึ้นกว่านี้แล้ว ซึ่งมันเป็น Mind Set ของการทำธุรกิจที่ผิดมาก เนื่องจากธุรกิจที่หยุดนิ่ง นั่นคือธุรกิจที่ตายไปแล้ว และคุณจะได้แต่นับวันรอให้ธุรกิจใหม่ๆ เข้ามา Disrupt คุณไปเท่านั้นเอง ซึ่งการกล้าที่จะเสี่ยงออกสินค้าใหม่ๆ ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบใหม่ แม้มันจะไม่ประสบความสำเร็จไปบ้าง แต่ถ้ามันปังขึ้นมาสักครั้ง ก็สามารจะเปลี่ยนชีวิตคุณได้เลยเช่นกัน

4. ไม่จำเป็นต้องทำให้ทุกคนพอใจ
ถึงแม้คุณจะไม่อยากมีศัตรูกับใคร อยากทำธุรกิจโดยให้ทุกคนเป็นมิตรกับคุณ แต่สุดท้ายแล้วบางครั้งคุณก็ต้องตัดใจ และยอมที่จะทำในสิ่งที่หลายคนไม่ชอบเช่นกัน เพราะถ้าคุณมัวแต่รักษาน้ำใจทุกคน คุณจะไม่มีทางก้าวไปไหนอย่างแน่นอน เช่น ถ้าช่วงโควิดคุณไม่ปรับลดจำนวนพนักงานในทีมลง สุดท้ายแล้วธุรกิจคุณอาจจะเจ๊งจนไม่สามารถรักษาชีวิตพนักงานที่เหลืออีกหลายสิบคนเลยก็ได้ ซึ่งบางครั้งเราไม่จำเป็นต้องทำร้ายใครแบบ 100% มันมีทางสายกลางอยู่ อย่างการปลดพนักงานออกนั้น คุณก็ยังคงสามารถจ้างพวกเขาเป็น Freelance หรือให้มาช่วยพาร์ทไทม์ในส่วนที่ยังขาดไปได้เช่นกัน

5. เลิกทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว
คนสำเร็จต่อให้เขาจะเก่งทุกอย่าง เขาก็ไม่ทำมันคนเดียวแน่นอน เพราะเขารู้ว่ามันจะไปได้ไม่ไกล และเดินไปได้ช้ามากกับการทำทุกอย่างด้วยตัวเองหมด ดังนั้นจึงไม่แปลกที่องค์กร ออฟฟิศ หรือบริษัทจะต้องจ้างพนักงานตำแหน่งต่างๆ เพื่อมาเติมเต็มในส่วนนี้ เพื่อให้องค์กรทำงานทุกด้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง และจะทำให้การลงทุนครั้งนี้ได้ผลตอบแทนกลับมามหาศาลอย่างที่คาดหวังไว้ ใช้เวลาในการถึงเส้นชัยที่ไวขึ้น ที่สำคัญคุณภาพงานจะออกมาดีจนลูกค้าต่างก็อยากใช้บริการ

6. พักบ้างเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
การพักมากเกินไป หรือการไม่พักเลย ต่างก็เป็นผลเสียต่อการดำเนินธุรกิจทั้งสิ้น เพราะเมื่อคุณพักมากเกินไป เส้นชัยที่ตั้งใจไว้ก็จะถึงช้าลง และทำสิ่งต่างๆ ได้น้อยลง เช่นเดียวกับการที่คุณไม่พักเลยเพื่อจะให้มันถึงเป้าหมายไวขึ้น นั่นจะมีแต่ทำให้คุณเหนื่อยหนัก และอาจถึงคราวต้องทรุดเข้าโรงพยาบาลได้

ร่างกายของคนเราไม่ใช่เครื่องจักร ดังนั้นการหักโหม นอนดึก ทำงานหนัก ไม่พักผ่อน จึงนำมาสู่ความกดดัน ภาวะหมดแรง หมดไฟ และอย่างร้ายแรงที่สุดมันอาจทำให้คุณหมดใจจากธุรกิจนี้และรู้สึกไม่อยากตื่นมาทำมันอีกต่อไปเลยก็ได้ ซึ่งปัญหานี้มาจากการที่คุณไม่มีเวลาว่างให้ตัวเอง ไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ ดังนั้นพยายามหาเวลาว่างให้ตัวเองบ้าง หาเวลาพักผ่อน นอนหลับให้เพียงพอ ออกมาเจอผู้คน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้ดีกว่าการวิ่งไม่หยุดนั่นเอง