การทำธุรกิจในโลกทุกวันนี้นั้นเป็นเหมือนการแข่งขันลงทุนเสียมากกว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ทุ่มเงินลงทุนกับการตลาดที่ได้ประสิทธิภาพ จ้างนักการตลาดราคาแพง บูทส์โพสต์ด้วยเงินจำนวนมหาศาล ใช้เงินต่อเงิน ทำให้เอาชนะคู่แข่งได้อย่างง่ายดาย แต่สำหรับธุรกิจเล็กๆ ที่เพิ่งเริ่มต้น สายป่านยังไม่ยาว ก็คงไม่สามารถทำตามเทคนิคเหล่านั้นได้ สิ่งที่พอจะทำไหวคือ การเริ่มต้นทำบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างในทางที่ดีด้วยตัวเอง
ซึ่งทุกวันนี้ถึงแม้อำนาจทุนนิยมจะทำให้การแข่งขันนั้นรุนแรงและมองไม่เห็นช่องทาง แต่ถ้าคุณไม่ยอมแพ้ และนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ ธุรกิจคุณจะต้องประสบความสำเร็จได้ด้วยงบที่จำกัดแน่นอน
1. จับมือกับแบรนด์อื่น สร้างแพ็กเกจที่น่าสนใจ
การมีพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจนอกจากจะช่วยแบ่งเบาภาระต่างๆ ไปได้มากแล้ว ยังช่วยเป็นการส่งเสริมการขาย กระตุ้นยอดให้คนหันมาสนใจสินค้าของคุณมากขึ้น ลองมองหาพาร์ทเนอร์ที่คุณสามารถร่วมโคแบรนด์กับเขาได้ เช่น ถ้าคุณขายรองเท้า คุณอาจจะหาแบรนด์เสื้อผ้าที่เข้ากับสไตล์รองเท้าของคุณ แล้วจัดโปรโมชั่นซื้อเป็นเซ็ตได้ราคาที่ถูกกว่า
เพียงเท่านี้นอกจากจะทำให้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ รู้จักแบรนด์คุณแล้ว ยังทำให้ง่ายต่อการทำคอนเทนต์โปรโมท ทำให้ลูกค้าเห็นถึงสไตล์การแต่งตัวที่หลากหลาย และสร้างโอกาสในการเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่างดี
2. ลงทุนกับสิ่งที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น
ในช่วงแรกที่ยอดขายยังไม่เยอะ กำไรยังไม่มาก คุณต้องเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ ไว้ใช้ในการพัฒนาธุรกิจให้เจริญเติบโตต่อไป ซึ่งการบริหารเงินนั้นไม่ใช่แค่เพียงแต่ซื้อของใช้ที่น่าสนใจ มาอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ หรือหมดเงินไปกับการกินกาแฟแก้วแพงๆ เพื่อบอกตัวเองว่า “จะได้มีแรงในการทำงาน”
แต่คุณควรลงทุนเงินก้อนแรกนี้กับสิ่งที่เห็นผล จับต้องได้ เช่น จ้างนักการตลาดฝีมือดีมาบริหารจัดการให้มียอดขายเพิม่ขึ้น หรือส่งตัวเองเรียนคอร์สขายของออนไลน์เพิม่เติม รวมทั้งโปรโมทสินค้าของคุณผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งทุกกิจกรรมนั้นต้องใช้เงินมหาศาลทั้งสิ้น ยิ่งคุณอดทนในช่วงแรกนี้และลงเงินกับสิ่งที่สำคัญได้มากเท่าไหร่ ความสำเร็จก็จะก้าวเท้าเข้ามาหาคุณไวเท่านั้น
3. ใช้คอนเนคชั่นแก้ปัญหา ไม่ใช่เงิน
การใช้เงินแก้ปัญหานั้นเป้นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่ไม่ใช่วิธีที่ประหยัดที่สุดแน่นอน ดังนั้นในฐานะธุรกิจหน้าใหม่ คุณต้องเซฟเงินทุกบาทไว้ใช้ในสิ่งที่จำเป็น เมื่อเกิดปัญหา ถึงแม้จะแค่เล็กน้อย คุณก็ไม่ควรรีบควักเงินจ่ายทันที แต่ควรมองหาวิธีแก้ที่สามารถประหยัดต้นทุนไปได้ ซึ่งตรงนี้เองที่คอนเนคชั่นเก่าๆ จะเข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือธุรกิจของคุณ
ยิ่งคุณมีคอนเนคชั่นมากเท่าไหร่ ปัญหาและอุปสรรคก็จะสามารถถูกแก้ไขได้ง่ายขึ้นเท่านั้น ซึ่งการมีคอนเนคชั่นนั้นไม่ใช่หมายถึงเพื่อให้คุณได้ขอความช่วยเหลือจากเขาในยามลำบากแค่เพียงอย่างเดียว แต่นั่นหมายความว่าคุณเองก็ต้องยื่นมือช่วยเหลือเขาในยามที่ต้องการเช่นกัน
4. รักษาลูกค้าเก่าเอาไว้ยิ่งชีพ
การหาลูกค้าใหม่นั้นต้องใช้ต้นทุน และทรัพยากรมากกว่าการเก็บลูกค้าเก่าไว้ถึง 70% ซึ่งนั่นหมายความว่าถ้ามีลูกค้ามาใช้บริการคุณ และคุณทำให้เขาติดใจจนกลับมาใช้ซ้ำได้ เท่ากับคุณประหยัดเงินไปได้ 70% ทันที ซึ่งตรงนี้ถึงแม้จะฟังดูง่าย แค่รักษาลูกค้าเก่าเอาไว้ แต่หลายธุรกิจกลับตกม้าตาย เพราะการมองข้ามรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ โดยเฉพาะธุรกิจใหญ่ที่มีลูกค้าเยอะจนไม่ง้อใคร
ตรงนี้เองที่เป็นเหมือนจุดบอดที่คุณสามารถแย่งตลาดมาจากพวกเขาได้ ถึงแม้คุณจะเพิ่งเปิดธุรกิจได้ไม่นานก็ตาม ให้พยายามใส่ใจในรายละเอียด ความต้องการของลูกค้าทุกคนอย่างแท้จริง ส่งอีเมล และโปรโมชั่นให้กับลูกค้าเก่าอย่างสม่ำเสมอ ดูแลพวกเขา มอบโปรโมชั่นพิเศษให้พวกเขาบ่อยๆ ก็จะทำให้เขาอยากกลับมาใช้บริการคุณมากยิ่งขึ้นแล้ว
5. ก้าวกระโดดด้วยคอนเทนต์เกาะกระแส
สุดท้ายแล้วการทำคอนเทนต์ก็เป็นหนึ่งในหัวใจที่มองข้ามไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะการทำธุรกิจไม่ว่าจะโลกออนไลน์ หรือชีวิตจริง จะดึงคนให้สนใจได้ นอกจากสินค้าคุณต้องดีจริงแล้ว การทำการตลาดผ่านคอนเทนต์ที่น่าดึงดูดเองก็มีส่วนช่วยไม่น้อยเลย แต่เพราะคอนเทนต์ที่ดีต้องมีการลงทุนที่สูง
ดังนั้นสำหรับคนที่ต้องการจำกัดงบประมาณตัวเอง แนะนำให้เริ่มจากทำคอนเทนต์เกาะกระแส พูดถึงเทรนด์ที่กำลังมาแรงในช่วงนั้น ผนวกรวมเข้ากับสินค้าของคุณ ออกแคมเปญใหม่ที่กระตุ้นยอดขายให้ทัน เท่านี้ก็จะทำให้คนสนใจ และได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นแน่นอน