5 เคล็ดลับสำหรับคนอยากให้ธุรกิจไม่ถูกปิดกั้นการมองเห็น และมีผู้ติดตามเยอะ ๆ


หลักการทำงานของ Facebook คือ หากคุณไม่ได้ลงโพสต์หรือคลิปวิดีโอต่าง ๆ ที่มีความน่าสนใจเป็นเวลานาน ระบบจะทำการผลักดันคุณ หรือกีดกันไม่ให้คนมองเห็น Pages ของคุณมากเท่าเดิม ตรงนี้เองที่เป็นปัญหาปวดหัวของผู้ที่มี Pages ที่อยู่ในการดูแล ไม่ว่าจะเป็น Pages ธุรกิจ Pages ขายของ หรือแฟนเพจใดก็ตาม เพราะการทำการตลาดทุกวันนี้แทบจะ 100% นั้นอยู่บนโลกออนไลน์ทั้งสิ้น และต้องพึ่งพา Facebook Fanpages เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายมองเห็นและเข้าถึงคนจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว

ดังนั้นถ้าเราไม่ทำตาม 5 เคล็ดลับเหล่านี้ Facebook ก็มีโอกาสที่จะปิดกั้นการมองเห็น และเมื่อนั้นต่อให้ยอดไลก์เพจของคุณมีจำนวนมากแค่ไหน มันก็จะไม่ช่วยอะไร เพราะคนที่จะเห็นโพสต์คุณจริง ๆ มีจำนวนเหลือนิดเดียว

ทำไม Facebook ต้องปิดกั้นการมองเห็น

สาเหตุที่ Facebook ต้องปิดกั้นการมองเห็นเป็นเพราะ ทุกวันนี้มีคนสร้างเพจต่าง ๆ ขึ้นมามากมายในทุก ๆ วัน นั่นทำให้ถ้าเกิด Facebook แสดงผลข้อความจากเพจเหล่านั้นทั้งหมด ก็จะทำให้หน้านิวฟีดมีแต่โพสต์ของเพจต่าง ๆ จนเลื่อนไม่เห็นโพสต์ของเพื่อนคุณเลย ซึ่งมันผิดต่อหลักการทำงานที่ Facebook ตั้งใจผลิตแพลตฟอร์มนี้ขึ้นมา

ดังนั้น Facebook จึงปรับอัลกอริทึม ให้อัตราการมองเห็น Pages หรือข้อความจากเพจต่างๆ ลดลงหาก Pages นั้นไม่ได้คุณภาพ และการวัดคุณภาพของ Facebook คือ การที่มีคนจำนวนมากมากดไลก์ กดแชร์ คอมเมนต์ หรือมีส่วนร่วมกับโพสต์เหล่านั้น และนี่คือ 5 เคล็ดลับสำคัญที่ธุรกิจทุกอย่างบนโลกต้องทำ หากไม่อยากถูกปิดกั้นการมองเห็นจาก Facebook

5 ขั้นตอนเจาะลึกช่วยให้คนเห็นคุณมากขึ้นบนโลกออนไลน์
1. โพสต์อย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง
การโพสต์อย่างน้อยวันละหนึ่งครั้งจะช่วยให้ Pages ของคุณเข้าถึงคนจำนวนมากได้อย่างต่อเนื่อง Facebook จะมองว่าคุณมีความสม่ำเสมอในการทำธุรกิจหรือดำเนินการบางสิ่งบางอย่าง และความทันสมัยหรืออัปเดตอยู่ตลอดเวลานี่เองที่จะช่วยให้ Facebook มั่นใจ ได้ว่าการดันโพสต์ของคุณออกไปให้บุคคลภายนอกเห็นเป็นจำนวนมากจะไม่ใช่เรื่องที่เสียเปล่า ดังนั้นคุณควรโพสต์อย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง เพื่อรักษาอัตราการเข้าถึงของคนหมู่มากที่ Facebook มอบให้ และสร้างโอกาสให้กับธุรกิจของคุณได้อีกด้วย
2. ไลฟ์อาทิตย์ละครั้ง
ระบบการไลฟ์ Streaming เป็นอีกหนึ่งลูกเล่นที่ Facebook กำลังให้ความสนใจอยู่ ณ ขณะนี้ Facebook จะพยายามผลักดันการถ่ายทอดสดของทุกๆ คนให้คนอื่นเห็น สังเกตได้ว่ายอดเอ็นเกจเมนต์จากการไลฟ์สดมักจะเข้าถึงคนหมู่มากจำนวนมหาศาลได้ดีกว่าการโพสต์ธรรมดา ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นความตั้งใจที่ Facebook จะผลักดันให้คนมองเห็น Pages ของคุณมากขึ้น ดังนั้นจงใช้ฟังก์ชั่นนี้ให้เป็นประโยชน์ เพราะนอกจากมันจะช่วยให้ Facebook รัก Pages ของคุณมากขึ้นแล้ว มันยังทำให้คุณได้ติดต่อสื่อสารกับลูกค้าโดยตรง แบบเรียลไทม์ และอัปเดตข่าวสารต่างๆ รวมถึงโปรโมชั่นใหม่ๆ ให้ได้รับรู้อีกด้วย
3. ทำคลิปวิดีโอช่วย
คลิปวิดีโอเองก็เป็นหนึ่งในคอนเทนท์ที่ Facebookให้ความสำคัญรองลงมาจากการไลฟ์สด ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หลายเพจจะเน้นการโพสต์วิดีโอเป็นหลัก เวลาต้องการ promote สินค้าหรือบริการ ให้เกิดกระแสไวรัล แต่คลิปวิดีโอที่ควรพบบน Facebook นั้นไม่ควรมีระยะเวลานานเกินไป อาจจะอยู่ที่ 1-3 นาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่กำลังดีและเหมาะสมในการคงผู้คนให้ดูคลิปวิดีโอของคุณตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งเมื่อคนดูคลิปคุณจนจบคลิปได้ Facebook ก็จะยิ่งมองว่าคอนเทนท์นั้นมีคุณภาพ และช่วยแชร์คลิปของคุณเอาไปให้คนเห็นมากยิ่งขึ้น ทำให้การลงทุนทำคลิปแค่ครั้งเดียว จะได้ผลตอบแทนกลับมามหาศาลมากกว่าที่คุณคิด
4. ทำคอนเทนท์ฮาวทู
คอนเทนท์ฮาวทูหรือแนะนำวิธีการทำสิ่งต่างๆ ยังคงมีประโยชน์และใช้ได้ดีอยู่เสมอ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ผู้คนจะยังคงให้ความสนใจกับคอนเทนต์ประเภทนี้ สาเหตุนี้เองที่ทำให้ Facebook จะมองว่าคอนเทนท์ของคุณมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นแค่การโพสต์รูปภาพ โพสต์ข้อความ ทำคลิปวิดีโอ หรือการไลฟ์สด หากคุณจับหลักการทำคอนเทนท์ฮาวทูได้ ก็จะเข้าถึงคนจำนวนมากได้อย่างแน่นอน และไม่ต้องกลัวว่า Facebook จะปิดกั้นการมองเห็นด้วย
5. มีปฏิสัมพันธ์ให้เยอะที่สุด
สุดท้ายแล้วหลักการง่ายๆ ที่ Facebook ใช้ในการวัดว่าคุณนั้นจะโดนปิดกั้นการมองเห็นหรือไม่ ก็คือการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ที่เข้ามาพูดคุยสอบถามในโพสต์เหล่านั้น หากมีคนเข้ามาคอมเมนต์แล้วคุณตอบกลับ จะช่วยให้บุคคลนั้นมองเห็น Pages ของคุณได้มากขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับการทำธุรกิจหรือสร้างตัวตนบน Pages ในช่วงแรกๆ ที่มีคนจำนวนน้อยเข้ามาพูดคุยในพื้นที่ของคุณ การตอบกลับพวกเขาทั้งหมด นอกจากจะช่วยให้ Facebook รับรู้ได้ว่าคุณใส่ใจในบริการและในการทำธุรกิจของตัวเองแล้ว ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ดีๆ ให้เกิดกับคุณและผู้ที่เข้ามาคอมเมนต์อีกด้วย เป็นเหตุผลที่จะเปลี่ยนจากลูกค้าธรรมดาหรือแค่คนทั่วไปให้กลายมาเป็นลูกค้าประจำ เพราะความใส่ใจของคุณนั่นเอง