พาไปอนาคต อีก 4 ปี เทรนด์ช้อปปิ้งออนไลน์ ผู้บริโภคจะเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน


“ออนไลน์” กลายเป็นช่องทางหลักของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่ใช้ซื้อสินค้า หากสังเกตที่ผ่านมา เทรนด์ช้อปปิ้งออนไลน์มีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และการมาของไวรัสโควิด-19 ยิ่งผลักดันให้การซื้อของออนไลน์เติบโตทะยานพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนทั้งในเรื่องของการเดินทางที่ผู้บริโภคออกจากบ้านไปห้างสรรพสินค้าน้อยลง, ความสะดวกสบายในการสั่งซื้อ ขอแค่มีเพียงสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวทุกอย่างก็ดูง่ายดาย

เทรนด์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่กำลังมาจึงทำให้หลายแบรนด์ต้องมีการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจพาตัวเองเข้าสู่ออนไลน์มากขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกในการเข้าถึงสินค้า และบริการต่อผู้บริโภค แน่นอนว่าเรื่องหนึ่งที่แบรนด์ต้องคอยจับตามองอย่างใกล้ชิด คงหนีไม่พ้นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ พฤติกรรมในวันนี้ มองอีก 4 ปีข้างหน้าอาจไม่เหมือนเดิม

ดังนั้น จะพาไปดูกันว่าเทรนด์ช้อปปิ้งออนไลน์ในปี 2025 จะมีหน้าตาออกมาเป็นเช่นไร โดยอ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ

1.แค่หยิบสมาร์ทโฟนก็ลองเสื้อผ้าได้แล้ว

ที่ผ่านมาเราคงได้ยินถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ขอมีแค่สมาร์ทโฟนก็สามารถลองเสื้อผ้าทิพย์ได้แบบเหมือนใส่ของจริง โดยเทคโนโลยีมีชื่อเรียกว่า AR/VR ซึ่งมีขั้นตอนการทำงานที่ไม่ยุ่งยากแค่เปิดกล้องสมาร์ทโฟนส่องมาที่ตัวเรา เสื้อผ้าก็จะลอยมาอยู่ตรงหน้าเหมือนสวมใส่จริง

2.สั่งงานด้วยเสียง เลือกสินค้าใส่ตะกร้า

ต่อไปแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจะมีฟังก์ชั่น Voice Commerce ซึ่งเป็นการค้นหาโดยใช้คำสั่งเสียง หรือจะอธิบายง่าย ๆ ว่าต่อไปเราไม่ต้องมานั่งเสียวเวลาคลิกเลือกสินค้าใส่ตะกร้า แต่จะเปลี่ยนเป็นใช้คำสั่งเสียงเลือกสินค้าโดยตรง

สำหรับ voice AI จะจับคลื่นเสียงที่เราพูดออกมานำไปประมวลผล แล้วช่วยเลือกลิสต์สินค้าที่ตรงใจขึ้นมาให้เอง

3.ชำระเงินด้วยร่างกาย แทนรหัส OTP

เทคโนโลยี Biometric Authentication ที่ใช้สแกนม่านตา หรืออ่านคลื่นเสียงจะถูกประยุกต์เข้าไปใช้เพื่อยืนยันคำสั่งซื้อ คล้ายกับเวลาปลดล็อกสมาร์ทโฟนด้วยการสแกนใบหน้า แทนที่การส่งรหัส OTP

4.เดลิเวอรีใช้โดรนสั่งสินค้า

ปกติการจัดส่งสินค้าแบบเดลิเวอรีส่วนใหญ่จะใช้ยานพาหนะภาคพื้นดิน ไม่ว่า รถกระบะ, มอเตอร์ไซค์ แต่ในอนาคตเราอาจะได้เห็นการจัดส่งสินค้าด้วยระบบ Automated Shipping เช่น โดรนส่งของ, รถยนต์ไร้คนขับ เหล่านี้สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง

5.ไม่ต้องกลัวพัสดุตกหล่น

ระบบ IoT Sensor จะถูกนำมาใช้ในการติดตามพัสดุ แทนการใช้แค่ Tracking Number ซึ่งจะมีข้อดีตรงที่สามารถระบุพิกัด โลเคชั่นของสินค้าได้อย่างแม่นยำ ตรวจสอบแบบเรียลไทม์ได้

จะเห็นได้ว่า เทรนด์ช้อปปิ้งออนไลน์ในปี 2025 ทุกอย่างดูมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยี ดังนั้น จึงเป็นการบ้านของผู้ประกอบการต้องตามให้ทัน สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภคอยู่เสมอ

ที่มา: สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ