การทำธุรกิจในยุคนี้ต้องแข่งขันด้วยความแตกต่างให้เหนือกว่าคู่แข่ง หากผู้ประกอบการทำเหมือนกันหมดความโดดเด่นย่อมไม่มี และธุรกิจจะไม่เป็นที่จับตามอง ถูกมองข้ามในตลาด
สำหรับเทคนิคสร้างความแตกต่างให้กับสินค้า ทำได้ด้วย 6 วิธีดังต่อไปนี้
1.Product Differentiation
ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งแรกที่ผู้บริโภคมองเห็น ทั้งในเชิงกายภาพ และเชิงรับรู้ ผ่านการโฆษณา โดยความแตกต่างของผลิตภัณฑ์มีหลายรูปแบบ เช่น คุณสมบัติของสินค้า, ประสิทธิภาพของสินค้า, ความทนต่อการใช้งานของสินค้า, ความน่าเชื่อถือของสินค้า และการรับประกันสินค้า
ปัญหาอย่างหนึ่งของการสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ คือมีอายุสั้น เพราะด้วยนวัตกรรม และคุณสมบัติของสินค้าทำให้ใคร ๆ ก็สามารถทำตามได้ แม้ว่าจะมีกฎหมายด้านการจดสิทธิบัตรออกมาก็ตามที แต่กลับไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ประกอบการสักเท่าไหร่ นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงยังพบว่ามีหลายธุรกิจเลือกที่ไม่จดสิทธิบัตร เนื่องจากเป็นการเปิดเผยข้อมูลให้กับคู่แข่งรับรู้
อีกทั้ง หากใครมีเงินทุนมากพอก็สามารถกระโดดเข้ามาทำธุรกิจได้ในระยะเวลาอันสั้น
2.Service Differentiation
การสร้างบริการที่แตกต่าง ไม่เพียงแค่บริการเดลิเวอรี และบริการลูกค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ใช้สนับสนุนธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น การเทรนนิ่ง, การรับออเดอร์ลูกค้า แม้ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ง่าย แต่ก็ควรทำขั้นตอนต่าง ๆ ให้มีความซับซ้อนน้อยที่สุด เช่น McDonald’s ที่พวกเขาจะรู้ว่าจะสร้างบริการให้แตกต่างอย่างไร โดยมีข้อยกเว้นน้อยมาก
ดังนั้น หากขายสินค้าแบบเดียวกัน ผู้ประกอบการสามารถทำให้ธุรกิจอยู่เหนือกว่าคู่แข่ง โดยการสร้างบริการที่มีความแตกต่างเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภค
3.Distribution Differentiation
การกระจายช่องทางจัดจำหน่ายสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ เพราะการมีช่องทางการจำหน่ายที่มีความหลากหลายจะสร้างความได้เปรียบในการขายสินค้า ได้รับออเดอร์ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ยกระดับบริการให้กับลูกค้า ปัจจุบันเป็นไปไม่ได้เลยที่ธุรกิจจะมีช่องทางเดียวสำหรับการขายสินค้า
4.Relationship Differentiation
การสร้างความแตกต่างด้านความสัมพันธ์เป็นการสร้างความประทับใจที่ดีต่อลูกค้า ทุกคนในองค์กรมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้ แต่ฝ่ายที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ คือส่วนงานให้บริการลูกค้า เช่น พนักงานขาย ที่ต้องให้ข้อมูลรายละเอียด สาธิตการใช้สินค้าให้กับลูกค้า ดังนั้น วิธีการสื่อสารควรมีความสุภาพ มีกริยาอ่อนน้อม สร้างความน่าเชื่อถือ พร้อมให้บริการลูกค้าเมื่อมีปัญหาทันที
5.Image/Reputation Differentiation
ภาพลักษณ์ คือสิ่งที่ลูกค้ามักใช้จดจำแบรนด์ หากมีการสื่อสารภาพลักษณ์ที่มีความแตกต่าง สร้างสรรค์ แบรนด์จะเป็นที่จดจำให้กับลูกค้าได้ไม่ยาก ที่ผ่านมามีแบรนด์ที่สื่อสารภาพลักษณ์ออกอย่างชัดเจน โดยนำเสนอเรื่องราวของสินค้าที่ให้ประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่ง ตลอดจนบริการที่พิเศษกว่า สามารถใจลูกค้ากลายเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยม
6.Price Differentiation
ราคามีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค เพราะสามารถนำสินค้าที่เหมือนกันมาเปรียบเทียบกันได้ โดยผู้บริโภคแต่ละรายล้วนมีกำลังซื้อที่จะจ่ายเงินแตกต่างกัน ดังนั้น แบรนด์ควรแบ่งกลุ่มสินค้าให้ชัดเจนเพื่อนำเสนอให้กับลูกค้า และกำหนดราคาสินค้าอย่างเหมาะสม
ที่มา: marketresearch