ดีหรือไม่? หากใช้คนดัง-เซเลปมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ทำการตลาดให้ธุรกิจ


การใช้คนดัง หรือบุคคลที่เป็นเซเลปที่คนทั่วไปรู้จักมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์สินค้า ถือว่าเป็นทางลัดทางกลยุทธ์ที่ทำให้ผู้บริโภครู้จักกับแบรนด์ของผู้ประกอบการมากขึ้น เพราะคนเหล่านี้สามารถเพิ่มเสน่ห์ สร้างความน่าเชื่อถือ และมีอิทธิพลต่อแคมเปญที่เกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม เหรียญย่อมมีสองด้าน เพราะอีกมุมหนึ่งก็มีความเสี่ยงได้เช่นกัน หากวางแผนทำการตลาดผิดพลาดย่อมมีความเสี่ยงที่มาสามารถคาดเดาได้เช่นกัน

Smartsme จะพามาดูข้อดี-ข้อเสีย การใช้คนดัง-เซเลปทำการตลาด ว่าเป็นอย่างไร

ทำไมแบรนด์ต้องใช้คนดังทำการตลาด

ยกระดับแบรนด์ผ่านการพิสูจน์ทางสังคม

เมื่อคนดังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ ผ่านการสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบต่าง ๆ และถูกโฆษณาเผยแพร่ผ่านช่องทางการขาย จะเป็นการสร้างอิมแพคเกิดขึ้นในวงการ คิดภาพง่าย ๆ หากนักกีฬาที่มีชื่อเสียงใส่เสื้อผ้า หรืออุปกรณ์กีฬาแบรนด์หนึ่ง ก็จะมีแนวโน้มที่แฟนคลับที่ชื่นชอบนักกีฬาคนนั้นจะซื้อสินค้า

สร้างการรับรู้ในระยะยาว

การจ้างคนดังสามารถเพิ่มยอดขายได้ แต่คุณค่าที่แท้จริงอยู่ที่การมองผลประโยชน์ในระยะยาว ซึ่งการมีคนดังจะเป็นตรารับรองที่ช่วยยืนยันแบรนด์นั้น ๆ ได้เป็นระยะเวลายาวนาน กรณีตัวอย่าง เมื่อ Nike คว้านักบาสเกตบอลหน้าใหม่อย่าง Michael Jordan หลังจากนั้น Nike กลายเป็นผู้ริเริ่ม และผู้เชี่ยวชาญการผลิตรองเท้าวิ่ง ต่อยอดไปสู่รองเท้าผ้าใบที่ได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาล

เปลี่ยนภาพลักษณ์

เราอยากให้แบรนด์เป็นอย่างไร สามารถสื่อสารผ่านตัวคนดังได้ เพราะนี่ตัวตน บุคลิกของแบรนด์อย่างแท้จริง เมื่อผู้บริโภคมองเห็นพรีเซ็นเตอร์คนนี้ ภาพของแบรนด์สินค้าก็ตามมาเอง เหมือนเป็นของคู่กัน

เปิดตลาดใหม่

คนดัง-เซเลป พวกนี้มีฐานแฟนคลับอยู่แล้ว โดยรวบรวมกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลายแบบที่คาดไม่ถึง แน่นอนว่านี่คือช่องทางโฆษณาสินค้าของคุณให้เข้าถึงตลาดใหม่ ๆ ได้

ความเสี่ยงเมื่อใช้คนดังทำการตลาด

แบรนด์ถูกบดบัง

บางครั้งบุคลิกภาพของคนดังที่โดดเด่นมากเกินไป และท้ายที่สุดก็เอาชนะเอกลักษณ์ของแบรนด์ โดยลูกค้าอาจจะจำคนดังได้ แต่จำแบรนด์ไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องดี แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อค่านิยม และภาพลักษณ์ของแบรนด์กับคนดังไม่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน

เมื่อไม่เชื่อมโยงกันจะกลายเป็นสิ่งหนึ่งโดดเด่นขึ้นมา และการลงทุนในครั้งนี้จะไม่ได้ผลลัพธ์ที่อยากให้เป็น ดังนั้น ควรเลือกคนดังให้เหมาะสมกับแบรนด์

เกิดเรื่องไม่ดีภาพลักษณ์แบรนด์เสียหาย

เราไม่สามารถคาดเดาอะไรที่จะเกิดขึ้นได้ หากวันหนึ่งคนดัง-เซเลป เกิดทำเรื่องไม่ดี หรือมีข่าวเสียหาย ภาพลักษณ์ของแบรนด์จะถูกมองในแง่ลบ และต้องใช้เวลาเพื่อฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง ทั้งทีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย

ที่มา: linkedin