รู้จัก “ฉลากเขียว” เครื่องหมายช่วยสะท้อนความยั่งยืนของแบรนด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ฉลากเขียวของประเทศไทย ริเริ่มขึ้นโดยองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development, TBCSD)
โรคแพ้นมวัว…
เกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กมีความผิดปกติ โดยจะมีปฏิกิริยาต่อโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบในนมวัว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ในเด็กทารก
ซึ่งการแพ้นมวัวสามารถเกิดได้ทั้งในเด็กที่กินนมแม่อย่างเดียว หรือเด็กที่กินนมผงดัดแปลงสำหรับทารกตั้งแต่แรกเกิด โดยในเด็กที่กินนมแม่สามารถแพ้นมวัวได้จากการที่แม่ดื่มนมวัวหรือ รับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์จากนม จึงมีโปรตีนนมวัวผสมออกมาในน้ำนมแม่ ซึ่งจะไปกระตุ้นให้ลูกเกิดอาการแพ้นมได้
อาการแพ้นมวัว…
อาการของการแพ้โปรตีนนมวัวอาจเกิดขึ้นทันที หรือเกิดหลังจากกินนมไปแล้วหลายชั่วโมง หรืออาจจะนานเป็น 7-10 วันก็ได้ โดยอาการจะเกิดขึ้นกับ 3 ระบบ ได้แก่…
1.) ทางเดินอาหาร มีอาการปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน มีเลือดปนมากับอุจจาระ
2.) ทางเดินหายใจ มีน้ำมูกไหล คัดจมูก หลอดลมอักเสบ เป็นหวัดบ่อย หายใจมีเสียงวี้ด
3.) ผิวหนัง มีผื่นแดง ผื่นคัน ลมพิษ ผิวหนังอักเสบเป็นตุ่มพอง ตกสะเก็ด
การดูแลรักษา
1. งดนมและอาหารที่มีนมเป็นส่วนประกอบ หากลูกเล็กที่ยังทานนมแม่อยู่ คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงด้วยเช่นกัน
2. การปรับเปลี่ยนนม หากแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคแพ้นมวัว แพทย์จะแนะนำให้ใช้นมสูตรพิเศษ หรือ การใช้นมที่ทำจากถั่วเหลือง ทั้งนี้การปรับเปลี่ยนมาใช้นมชนิดใดก็ตามต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ด้วย
3. การปรับเปลี่ยนอาหารอื่น ๆ เด็กที่เริ่มรับประทานอาหารได้ ควรเลือกอาหารที่มีโอกาสแพ้น้อยให้รับประทานก่อน ได้แก่ กล้วย ข้าว เนื้อสัตว์ปรุงสุก และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโอกาสแพ้ได้ง่าย เช่น ถั่วลิสง ไข่ขาว หรืออาหารทะเล
4. การใช้ยา ยากินและยาทาแก้แพ้ ใช้ในกรณีการแพ้ไม่รุนแรงที่มีอาการทางผิวหนัง ไม่แนะนำให้ผู้ป่วยหรือผู้ปกครองใช้ยาแก้แพ้ชนิดกินโดยไม่ปรึกษาแพทย์ ในกรณีที่มีประวัติการแพ้แบบรุนแรง เนื่องจากจะทำให้บดบังอาการจนทำให้ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลช้าเกินไปได้
