แผลร้อนใน โรคน่าเบื่อสำหรับใครหลายคน


 

 แผลร้อนใน โรคน่าเบื่อสำหรับใครหลายคนแผลร้อนใน โรคน่าเบื่อสำหรับใครหลายคน 

แผลร้อนในเป็นอาการที่หลายๆคนเคยเป็น คนที่เคยเป็นคงทราบเป็นอย่างดีว่านอกจากความทรมานของอาการแล้ว ยังสามารถสร้างความน่ารำคาญให้กับเราเป็นอย่างมากในการใช้ชีวิตประจำวัน อาการแผลร้อนในนั้นยังไม่สามารถป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็น เนื่องจากยังไม่สามารถระบุสาเหตุของการเกิดโรคได้อย่างชัดเจน แต่เราสามารถ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรค ให้มีโอกาสเกิดขึ้นกับเราน้อยที่สุด โดยเราสามารถเรียนรู้อาการ สาเหตุเบื้องต้นบางอย่าง เพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางในการรับมือกับโรคนี้ต่อไป      

        ลักษณะอาการ ของแผลร้อนในนั้นเราสามารถสังเกตเห็นได้ โดยแผลที่เกิดขึ้นนั้นจะมีขนาดแตกต่างกันไปซึ่งแผลอาจมีขนาดเล็กมากอาจวัดได้เป็นมิลลิเมตร หรือขนาดใหญ่ซึ่งอาจวัดได้เป็นเซนติเมตร อาจมีแผลเดียว หรือหลายแผล สามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงอายุตั้งแต่เด็กจนถึงคนชรา โดยมักพบเกิดบ่อยในช่วงวัยรุ่น และเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ช่วงระยะเวลาในการเป็นนั้นไม่แน่นอน บางคนในหนึ่งปีอาจเป็นไม่เกิน 4 ครั้ง แต่บางคนเป็นบ่อยถึงขนาด 1 เดือนต่อครั้งก็มี เมื่อเกิดแผลร้อนในแล้วอาการที่เรารู้สึกได้คือ เจ็บจี๊ดๆตรงบริเวณที่เป็น เมื่อเราส่องดูจะเห็นลักษณะแผล เป็นรอยกลมคล้ายรูปไข่  ตรงกลางสีขาวและบริเวณโดยรอบจะเป็นสีแดง แผลที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นได้หลายจุด  อาจเป็นตรงบริเวณลิ้น ริมฝีปากส่วนใน ในบางครั้งอาจคลำพบต่อมน้ำหลืองบริเวณใต้ขากรรไกรโต แต่ไม่ใหญ่มาก

แผลร้อนใน โรคน่าเบื่อสำหรับใครหลายคน

แผลร้อนในสามารถแบ่งออกได้สามลักษณะตามความรุนแรงของอาการ คือ

  1. แผลร้อนในขนาดเล็ก พบได้บ่อยสุด มักมีขนาดไม่เกิน 1 เซนติเมตร ซึ่งแผลร้อนในลักษณะนี้จะสามารถหายได้เองในระยะเวลา 1-2 สัปดาห์
  2. แผลร้อนในที่เกิดตรงบริเวณเนื้อเยื่อที่เคลื่อนไหวได้ เช่น บริเวณด้านข้างของลิ้น สำหรับแผลลักษณะนี้จะค่อนข้างหายช้า อาจใช้เวลาเป็นเดือน และเมื่อหายแล้วอาจเป็นซ้ำตรงบริเวณเดิมได้อีก ในกรณีที่เราดูแลตัวเองดีแล้วแต่แผลยังไม่หายภายใน 2 สัปดาห์เราควรไปพบแพทย์ เพื่อตรวจแยกอาการแผลติดเชื้อ หรือเป็นแผลมะเร็ง โดยเฉพาะผู้ที่อายุเกิน 40 ปี
  3. แผลร้อนในที่มีความรุนแรง แผลร้อนในลักษณะนี้พบได้ในผู้หญิงที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แผลอาจมีลักษณะเล็กแต่จะกระจายไปหลายจุด ในบริเวณช่องปาก คนที่เป็นแผลลักษณะนี้ จำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี เพราะคนที่เป็นจะมีอาการเจ็บบริเวณแผลมาก ซึ่งอาจกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่นการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำ จึงจำเป็นต้องพบแพทย์ ทำการดูแลรักษา  อาจรักษาหายได้ในระยะเวลา

ไม่เกิน 1 เดือน สาเหตุของการเกิดแผลร้อนในนั้นยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน แต่อาจเกิดจากปัจจัยเสี่ยงบางอย่างซึ่งมีหลายสาเหตุด้วยกัน – เกิดจากพันธุ์กรรม คนที่เกิดแผลในช่องปากบ่อย มักพบว่าคนในครอบครัวก็เป็นเช่นกัน – ความเครียดและความกังวล บ่อยครั้งที่โรคภัยต่างๆมักเกิดจากสาเหตุนี้ การเกิดแผลในช่องปากก็เป็นสิ่งที่เราควรระวังเช่นกัน – การเผลอกัดโดนเนื้อเยื่อในช่องปาก บางคนเคี้ยวอาหารเร็วจนเผลอกัดลิ้น หรือเนื้อภายในบริเวณช่องปาก บางคนอาจนอนละเมอจนเผลอกัดลิ้นได้ – แพ้สารเคมีบางชนิด เช่น น้ำยาบ้วนปาก – แพ้อาหาร – ขาดวิตามินและ แร่ธาตุบางอย่าง  เช่น วิตามิน บี สังกะสี เหล็ก – การติดเชื้อจากแบคทีเรีย   เมื่อเรารู้ถึงอาการและสาเหตุบางอย่างของการเกิดโรคแล้ว เราสามารถนำมาปรับใช้ในการรับมือ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกับตัวเราได้

  1. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมการทานอาหารที่ก่อให้เกิดแผลในช่องปาก เช่นการเคี้ยวอาหารเร็วจนเกินไป หรือการคุยไปเคี้ยวอาหารไป นอกจากนี้การทานอาหารที่ร้อนจัด เพราะเมื่อเกิดแผลในช่องปากแล้วอาจมีการติดเชื้อจนเป็นแผลร้อนในได้
  2. ดูแลรักษาความสะอาดในช่องปาก ด้วยการแปรงฟันอย่างถูกวิธี และควรทำทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
  3. ดื่มน้ำมากๆ การดื่มน้ำนอกจากจะช่วยลดอาการปวดของแผลแล้ว น้ำยังช่วยในการชำระล้างสิ่งสกปรกที่ตกค้างหลังจากการแปรงฟันได้อีกด้วย
  4. ไม่เครียด และวิตกกังวลมากเกินไป วิธีที่ทำได้ง่ายที่สุดคือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้

ร่างกายหลั่งสารความสุขออกมา และทำให้เราหลับสบาย พักผ่อนได้เพียงพออีกด้วย

  1. เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ควรทานอาหารที่มีวิตามิน และแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินบี 12 เช่น ตับหมู วัว ไก่   ธาตุเหล็ก เช่น เนื้อปลา รวมถึงอาหารที่มี โฟเลตสูง เช่น

ข้าวโพด ข้าวแดง  เป็นต้น

  1. เปลี่ยนยาสีฟัน หรือน้ำยาบ้วนปาก สำหรับคนที่เกิดแผลร้อนใน บางคนหลังจากการดูแลตัวเองแล้ว

อาการยังไม่ดีขึ้น อาจมีสาเหตุมาจากการแพ้สารเคมีบางชนิดในน้ำยาบ้วนปากหรือยาสีฟันบางชนิดได้   โรคแผลร้อนในเป็นโรคที่สร้างความรำคาญให้กับใครหลายๆคน บ่อยครั้งที่เรามักไม่ใส่ใจ จนเมื่อเป็นแล้วถึงจะรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดและน่ารำคาญ หลายคนมักมีความเข้าใจว่าหากปล่อยไว้เดี๋ยวคงหายเอง จนกลายเป็นแผลติดเชื้อมีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษามากขึ้น  ดังนั้นเมื่อเรามีความเข้าใจมากขึ้นแล้วเราควรหันมาดูแลใส่ใจตัวเองให้มากขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้โรคแผลร้อนในนี้จะไม่สามารถป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็น แต่เราก็ยังสามารถลดความเสี่ยง หรือบรรเทาอาการหากเป็นโรคนี้ได้