ภาษีย้อนหลัง มาตรการเชือดเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ


พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนและนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ร่วมประชุมประสานความร่วมมือในการดำเนินมาตรการทางภาษีกับนายทุนเงินกู้นอกระบบ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 ต.ค.59 ในการผลักดันให้เจ้าหนี้นอกระบบเข้ามาดำเนินธุรกิจสินเชื่อในระบบให้ถูกต้อง

หลังจากมีประชาชน จ.ชัยภูมิ และ จ.เพชรบูรณ์ ร้องเรียนขอให้ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการตรวจสอบการกระทำของเจ้าหนี้นอกระบบที่มีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้นอกระบบให้ประชาชนในจ.ชัยภูมิ จ.เพชรบูรณ์ และจังหวัดใกล้เคียง และเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และให้ลูกหนี้ลงชื่อในเอกสารเพื่อใช้โฉนดที่ดินและทรัพย์สินต่างๆ เป็นหลักประกันเงินกู้ เมื่อมีการผิดนัดชำระหนี้จะมีการบังคับตามสัญญาประกันจนชาวบ้าน ถูกบังคับคดียึดบ้านและที่ดินเป็นจำนวนมาก

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ฯ ได้ตรวจสอบพบว่าบุคคลดังกล่าว มีบัญชีเงินฝากจำนวนหลายสิบบัญชี และได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินและอสังหาริมทรัพย์มาเป็นจำนวนมาก โดยหลีกเลี่ยงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จึงได้ประสานข้อมูลให้กรมสรรพากรประเมินเรียกเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีธุรกิจเฉพาะแก่เจ้าหนี้นอกระบบ จ.ชัยภูมิ ตั้งแต่ปีภาษี 2550 – 2555 เป็นเงินรวมประมาณ 230 ล้านบาท

ต่อมากรมสรรพากรตรวจสอบแล้ว ได้ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษ โดยเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา กองคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เรียกเจ้าหนี้นอกระบบ จ.ชัยภูมิ กับพวก มารับทราบข้อหาในความผิดฐานหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร ซึ่งกลุ่มเจ้าหนี้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาพยานหลักฐานเพื่อสรุปสำนวนการสอบสวนส่งให้พนักงานอัยการพิจารณา

พ.ต.อ. ไพสิฐ กล่าวด้วยว่า สำหรับเจ้าหนี้นอกระบบใน จ.เพชรบูรณ์ มีจำนวน 3 ราย โดยระหว่างปี 2553 – 2559 พบว่าเจ้าหนี้รายที่ 1 มีเงินมาฝากในบัญชีจำนวน 1,000 ล้านบาทเศษ แต่ยื่นแบบเงินได้ จำนวน 160 ล้านบาทเศษ ส่วนเจ้าหนี้รายที่ 2 และภรรยา มีเงินมาฝากในบัญชีดังกล่าว เป็นเงินจำนวน 260 ล้านบาท แต่ยื่นแบบเงินได้ฯ ตามมาตรา 40(5) มาตรา 40(8) เป็นเงินจำนวน 12 ล้านบาทเศษ โดยไม่ได้ยื่นแบบแสดงเงินได้ฯ ตามมาตรา 40(4) แต่อย่างใด และครอบครัวเจ้าหนี้รายที่ 2 ได้กรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองในที่ดินเป็นจำนวนกว่า 1,823 ไร่ ทั้งที่ภรรยาได้แจ้งในแบบ ภ.ง.ด.90, ภ.ง.ด.94 ของสามีว่า ตนเองเป็นบุคคลผู้ไม่มีเงินได้พึงประเมิน

ตามข้อมูลหลักฐานและพฤติการณ์ดังกล่าวข้างต้น มีเหตุที่น่าสงสัยว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวมีเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรหรือไม่ กรมสอบสวนคดีจึงส่งข้อมูลและหลักฐานมายังอธิบดีกรมสรรพากรเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนประเด็นความผิดอื่นๆ กรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้ดำเนินการต่อไป เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้ที่คิดจะกระทำผิดในลักษณะเดียวกันอีก