โรคไบโพล่าร์ในเด็ก ต่างจากวัยผู้ใหญ่ สังเกตให้ดีลูกคุณมีอาการเหล่านี้หรือไม่?


ในผู้ใหญ่ที่ตกอยู่ในภาวะไบโพล่าร์มักจะแสดงอาการ เช่น อารมณ์ดีผิดปกติ คึกคักผิดปกติ มีความมั่นใจในตนเองสูง หรือมีความคิดในการทำโครงการที่ดูยิ่งใหญ่เกินไป มีอารมณ์ทางเพศสูง ไม่อยากนอน นอนน้อยแต่ไม่อ่อนเพลีย

แตกต่างกับอาการไบโพล่าร์ในเด็กที่จะมีอาการไม่ชัดเจนมาก คือ จะมีอาการหงุดหงิดผิดปกติ อารมณ์รุนแรง มีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น พูดมากขึ้น เหมือนมีเรื่องอยากทำมากขึ้นหลายอย่าง และจะแตกต่างจากโรคสมาธิสั้น เพราะไบโพล่าร์จะมีอาการเป็นช่วงๆ เท่านั้น เช่น อาการเกิดขึ้นอยู่ 4 วันหรือ 1 อาทิตย์ เป็นต้น สำหรับเด็กที่เป็นไบโพล่าร์ที่ระดับอาการยังไม่รุนแรงนั้น พ่อแม่อาจสังเกตได้จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิม การเรียนรู้ หรือการทำงาน การเรียนไม่ดีในช่วงเวลาหนึ่ง ส่วนในเด็กที่มีอาการรุนแรง สามารถสังเกตได้จากอาการหลงผิด ก้าวร้าว หูแว่ว หรือเห็นภาพหลอน

สาเหตุที่ทำให้เด็ก ป่วยเป็น ไบโพล่าร์
1.พันธุกรรมจากการมีคนในครอบครัวเป็นโรคไบโพล่าร์ เด็กมักมีโอกาสเป็นไบโพล่าร์ได้สูงขึ้น โดยถ้าพ่อและแม่เป็นไบโพล่าร์จะทำให้เด็กมีโอกาสเป็นไบโพล่าร์ 75% หรือถ้าพ่อหรือแม่ คนใดคนหนึ่งเป็นไบโพล่าร์จะทำให้เด็กมีโอกาสเป็นไบโพล่าร์ 25%
2.ความผิดปกติทางระบบสมองทำงานไม่สมดุล
3.สภาพแวดล้อมของครอบครัว ความสูญเสียคนในครอบครัว อารมณ์ซึมเศร้าที่เกิดขึ้น
แนวทางการรักษาไบโพล่าร์ในเด็ก
1.การใช้ยา เมื่ออาการดีขึ้น จะพิจารณาการปรับในเรื่องการดูแลในครอบครัว โดยจะให้ยารักษาระยะเฉียบพลันเพื่อช่วยควบคุมอารมณ์ และยาช่วยรักษาอาการประสาทหลอน หูแว่ว ซึ่งจะต้องให้ยาต่อเนื่อง 1- 2 ปี และใน 2 ปีแรกเด็กสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ 50% ซึ่งบางรายที่กลับมาเป็นซ้ำต้องให้ยาต่อเนื่องนานขึ้น หรือทานยาไปตลอด

2.การให้คำแนะนำกับครอบครัว ให้หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้อาการกำเริบ เช่น ความขัดแย้งในครอบครัว

3.การปรับมุมมอง ความคิด เพื่อให้เด็กลดความกังวลหรือความเศร้า ลง

4.หลีกเลี่ยงพฤติกรรมกระตุ้น เช่น การใช้เหล้า สารเสพติด การอดนอน เพราะจะทำให้อาการกำเริบได้

ข้อมูล:รพ.พญาไท