กรมอนามัยแนะพิจารณาปิดโรงเรียน หากค่าฝุ่นละอองแตะระดับสีแดง


อธิบดีกรมอนามัยกำหนด 8 แนวทางในการดูแลเด็กในโรงเรียนลดผลกระทบจากฝุ่นละออง PM2.5 นอกจากนี้ยังให้อำนาจกับผู้อำนวยการหากค่าของฝุ่นไปถึงระดับสีแดง คือ ค่า PM2.5 เกิน 90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เป็นเวลาหลายวัน และมีแนวโน้มสูงขึ้นก็อาจพิจารณาหยุดเรียนได้

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมฯ ได้จัดทำแนวทางการดูแลเด็กเล็กสำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย โรงเรียนอนุบาล และโรงเรียนต่างๆ โดยสามารถดำเนินการได้ตาม 8 แนวทาง ดังนี้

1.โรงเรียนต้องติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ตามช่องทางต่างๆ

2.ควรดูแลเให้ด็กหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกอาคารในช่วงที่ PM2.5 อยู่ในระดับตั้งแต่สีเขียว คือ 26-37 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรขึ้นไป

3.ควรให้เด็กดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ 6 แก้วต่อวัน

4.ควรดูแลเด็กที่มีโรคประจำตัวอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก ให้รีบพาไปพบแพทย์

5.ขอความร่วมมือผู้ปกครองจอดรถนอกสถานศึกษา หากจำเป็นต้องนำรถเข้ามาจอดในบริเวณสถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ควรดับเครื่องยนต์ขณะจอดรถ ไม่ควรติดเครื่องยนต์ทิ้งไวเระหว่างรอ

6.ปลูกต้นไม้ภายในบริเวณเพื่อดักฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศ

7.งดกิจกรรมที่ก่อให้เกิด PM2.5เช่น ห้ามไม่ให้มีการเผาขยะ เผาใบไม้ในโรงเรียน

8.ขอความร่วมมือร้านค้าแผงลอย บริเวณโดยรอบและในโรงเรียน ปิ้งย่างโดยใช้เตาไร้ควัน

ส่วนการปิดเรียนนั้นอยู่ที่ดุลพินิจของโรงเรียน โดยให้ดูจากความเข้มข้นของฝุ่นละออง หากเริ่มมีผลกระทบก็อาจลดกิจกรรมภายนอกอาคาร หรือหากค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน หรือขึ้นไปถึงระดับสีแดง คือ ค่า PM2.5 เกิน 90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เป็นเวลาหลายวัน และมีแนวโน้มสูงขึ้นก็อาจพิจารณาหยุดเรียนได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง