ประวัติศาสตร์ วาเลนไทน์ กับตำนาน 1,700 ปี


วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี บนปฏิทินจะมีการระบุเอาไว้ว่าเป็นวัน วาเลนไทน์ หรือที่เรารู้จักกันดีว่าเป็นวันแห่งความรัก วันที่ดอกกุหลาบจะมีราคาพุ่งขึ้นสูงตามความต้องการของตลาด

วันที่ตามห้างสรรพสินค้าจะนำเอาช็อกโกแลตนานาชนิดมาวางขาย พร้อมทั้งประดับประดาร้านค้าด้วยสัญลักษณ์รูปหัวใจและคิวปิดเต็มไปหมด แม้จะเป็นแค่วันสั้นๆ วันเดียว แต่ประวัติความเป็นมาของเรื่องนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน ถ้าว่ากันตามประวัติศาสตร์แล้วต้องทำการย้อนเวลาไปกว่า 1,700 ปีกันเลยทีเดียว

ความแตกต่างระหว่าง ประวัติศาสตร์ กับ ตำนาน

ถ้าจะเล่าเรื่องราวตามประวัติศาสตร์จริงๆ ก็พบว่ามันไม่ได้อารมณ์ตื่นเต้นเร้าใจ หรือมีเรื่องใดให้จดจำกันได้ง่ายๆ เหมือนอย่างตำนาน และเรื่องราวที่เราเล่าต่อๆ กันมา เกี่ยวกับต้นกำเนิดวันแห่งความรักก็มักจะเป็นตำนานซะมากกว่า

เรื่องมีอยู่ว่าในยุคสมัยที่โรมันยังคงอยู่ในภาวะต้องทำศึกสงครามอยู่บ่อยครั้ง พบว่ากองทัพขาดแคลนชายหนุ่มเพราะไม่มีใครอยากมาเป็นทหาร ผู้ชายเลือกที่จะอยู่กับลูกเมียมากกว่าจะไปเสี่ยงตายในสงคราม จึงมีคำสั่งจากทางการว่าให้งดจัดงานหมั้นและงานแต่งงานทั่วแผ่นดินแบบไม่มีกำหนด เพราะหวังว่าชายหนุ่มทั้งหลายจะหันมาโฟกัสที่การเป็นทหาร

แน่นอนว่าข้อห้ามแบบนี้ย่อมจะต้องมีคนฝ่าฝืนเป็นธรรมดา และหนึ่งในนั้นก็คือเซนต์วาเลนไทน์ ที่ประกอบพิธีแต่งงานให้กับหนุ่มสาวชาวโรมันหลายคู่ทั้งๆ ที่ทางการสั่งห้าม ในที่สุดท่านก็ถูกจับได้และโทษนั้นก็ถึงขั้นรอวันประหาร

ที่มาของคำว่า “Your Valentine”

ในระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่นั้นก็มีเรื่องเล่าว่าท่านได้พบรักกับลูกสาวตาบอดของผู้คุม (มีบางตำนานบอกเล่าถึงปาฏิหาริย์ช่วยรักษาดวงตาให้หญิงคนรัก) และมีการส่งจดหมายแสดงความรักต่อกัน มักจะลงท้ายจดหมายด้วยคำว่า “Your Valentine” จนกลายเป็นคำพิเศษที่คนในสมัยนี้ใช้เรียกคู่รักของตนกันมากมายทุกวันนี้

แล้วท่าน เซนต์วาเลนไทน์ ก็ไม่รอดถูกประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ส่วนจะเป็นวันที่นี้จริงหรือไม่ก็ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องเล่าต่อๆ กันมาพันกว่าปี อย่าไปเอาจริงจังกับที่มาของวันให้มากความ เอาเป็นว่าในหลายประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์ถือว่าวันนี้เป็นวันแห่งความรัก

วันแห่งความรักไม่ได้จัดกันทั้งโลก

ใครที่คิดว่าอยากจะไปหาประเทศที่โรแมนติกไปฉลองวาเลนไทน์ ต้องระวังให้ดี เพราะเทศกาลนี้ไม่ได้มีการฉลองกันทุกประเทศทั่วโลก เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน ย้อนกลับไปที่ตำนานเป็นเรื่องราวของนักบวชในศาสนาคริสต์ชื่อ เซนต์วาเลนไทน์

ดังนั้นในประเทศที่ไม่ได้ให้การยอมรับกับศาสนาคริสต์ก็จะไม่มีการสนับสนุนส่งเสริมเทศกาลนี้เช่นกัน จะไปฉลองกันที่ประเทศไหนเช็คให้ดีก่อนไปไม่อย่างนั้นงานจะกร่อยเอาได้

ไม่ว่าเราจะเป็นคนเชื้อชาติไหนนับถือศาสนาอะไร ก็สามารถมอบความรักให้กันได้ และไม่จำเป็นต้องมอบให้กันในวันที่ 14 กุมภาพันธ์เท่านั้น จะวันนี้หรือวันไหนก็รักกันได้ทุกวัน ขอให้มีความสุขในวันแห่งความรักนี้ From Your valentine