จิตแพทย์ เผย! วัยรุ่นไทยเจอปัญหา “ติดเหล้า บุหรี่” กว่า 3 แสนคน


สถานการณ์น่าเป็นห่วง จิตแพทย์เผยวัยรุ่นไทย เสี่ยงถูกเพื่อนชักนำเข้าสู่วงอบายมุขได้ เผยผลวิจัยล่าสุด พบเยาวชนอายุ 13-17 ปี มีปัญหาติดเหล้า-บุหรี่รวมกว่า 3 แสนคน พบในชายมากกว่าหญิง 2-4 เท่าตัว

จิตแพทย์ รพ.จิตเวชนครราชสีมา ห่วงสิ่งยั่วยุในสังคมทำให้วัยรุ่นเสี่ยงถูกเพื่อนชักนำเข้าสู่วงอบายมุขได้ เผยผลวิจัยล่าสุด พบเยาวชนอายุ 13-17 ปี มีปัญหาติดเหล้า-บุหรี่รวมกว่า 3 แสนคน โดยพบในชายมากกว่าหญิง 2-4 เท่าตัว โดยที่รพ.จิตเวชนครราชสีมาพบผู้ป่วยจิตเวชติดเหล้าอายุน้อยที่สุด 20 ปี แนะวัยรุ่นให้ใช้ 5 เทคนิคการปฏิเสธหากถูกเพื่อนชวน ที่ได้ทั้งผลและไม่เสียเพื่อน ย้ำเตือนอย่าใจอ่อนกับ 6 ประเภทคำพูดเซ้าซี้สบประมาทที่อาจสร้างความไขว้เขวได้ง่าย

นายแพทย์กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ จ.นครราชสีมา เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า วัยรุ่นเป็นวัยที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ระบบต่างๆ ในร่างกายยังพัฒนาไม่สมบูรณ์และมีการเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งร่างกายจิตใจ สังคม ทำให้ยากต่อการคาดเดาในอนาคต จากรายงานข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยล่าสุดในปี 2561 ทั่วประเทศมีกลุ่มวัยรุ่นอายุ 11 -20 ปี 8 ล้านกว่าคน ส่วนใหญ่อยู่ในระบบการศึกษา

อย่างไรก็ดีจากสภาพการเปลี่ยนแปลงของสังคมขณะนี้ นับว่าน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เนื่องจากมีสิ่งยั่วยุมากมาย ทั้งจากการโฆษณา และจากเน็ตไอดอลต่างๆ อาจทำให้วัยรุ่นเสี่ยงมีพฤติกรรมไปในทางที่ไม่เหมาะสมได้ง่าย ที่สำคัญคือการใช้สารเสพติด เช่นการสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ซึ่งมีผลเกิดการเสพติด ทำลายความสามารถของสมองโดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับความคิด ความจำ เสียการเรียน และมีผลทำให้เกิดโรคทางจิตเวชเช่นโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคจิตเภทได้ และอาจเป็นประตูไปสู่การใช้สารเสพติดอื่นๆ ตามมา

 

 

ทางด้านแพทย์หญิงสายสุดา สุพรรณทอง จิตแพทย์ประจำรพ.จิตเวชนครราชสีมาฯ กล่าวว่า ผลการศึกษาของกรมสุขภาพจิตล่าสุดในปี 2559 ในกลุ่มนักเรียนระดับมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา อายุ 13-17 ปี มีปัญหาติดเหล้าและบุหรี่รวม 3 แสนกว่าคน

 

 

โดยติดบุหรี่ (Tobacco dependence)ร้อยละ 2.4 หรือประมาณ 93,000 คน จากกลุ่มวัยนี้ที่มีจำนวนเกือบ 4 ล้านคน และติดเหล้า (Alcohol dependence)ร้อยละ 6.4 หรือมีประมาณ 240,000 คน พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง 2-4 เท่าตัว จากการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยติดสุราที่เข้าบำบัดรักษาอาการทางจิตที่รพ.จิตเวชนครราชสีมาฯล่าสุดปีนี้ พบมีอายุน้อยที่สุดเพียง 20 ปีเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถรักษาให้สมองกลับมาเหมือนเดิมได้

แพทย์หญิงสายสุดา กล่าวต่อว่า โอกาสพฤติกรรมความเสี่ยงของวัยรุ่นแต่ละคนแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่น การเลี้ยงดู สภาพครอบครัว พื้นฐานทางอารมณ์ แต่ที่สำคัญที่สุดคือเพื่อน เนื่องจากวัยรุ่นส่วนใหญ่จะผูกพันกับเพื่อนมาก จะเรียนรู้ทักษะทางสังคมรวมถึงการยอมรับค่านิยมต่างๆ แนวคิดการปฏิบัติมาจากเพื่อน ซึ่งในช่วงเปิดเทอมใหม่นี้ เป็นโอกาสที่วัยรุ่นจะได้พบทั้งเพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่ในโรงเรียน อาจถูกชักชวนไปในทางที่ไม่เหมาะสมได้ และบางครั้งวัยรุ่นเองไม่ได้คิดอะไรให้รอบคอบ เพราะเกรงใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือไม่กล้าปฏิเสธเพราะกลัวเพื่อนโกรธ เป็นต้น จึงจำเป็นต้องมีความรู้และมีทักษะการปฏิเสธหากถูกเพื่อนชักชวนไปในทางที่ไม่ดี เพื่อใช้ในดำเนินชีวิตประจำวันอย่างปลอดภัย เป็นผลดีต่อตนเอง

สำหรับเทคนิคปฏิเสธเพื่อนให้ได้ผลและไม่เสียเพื่อนด้วยมีข้อแนะนำ 5 ประการ ดังนี้

1.ให้ใช้การปฏิเสธอย่างจริงจัง ทั้งท่าทาง คำพูด และน้ำเสียง เพื่อแสดงความตั้งใจอย่างชัดเจน เนื่องจากการปฏิเสธเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ทุกคนควรเคารพและยอมรับ

2. ให้ใช้ความรู้สึกเป็นข้ออ้างประกอบเหตุผลด้วยเช่น ไม่สบาย, หมอสั่งห้าม จะทำให้ฝ่ายชักชวนโต้แย้งได้ยากขึ้น

3. ควรบอกปฏิเสธให้ชัดเจนเช่น ไปไม่ได้หรอก, ไม่ชอบ, ขอไม่ไปด้วย

4. การขอความเห็นชอบและแสดงอาการขอบคุณเมื่อผู้ชวนยอมรับการปฏิเสธเพื่อเป็นการรักษาน้ำใจของผู้ชวน เช่นพูดว่าคงไม่ว่านะ, คงเข้าใจนะ

และ5. ให้ออกจากสถานการณ์นั้น โดยกรณีเป็นสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นที่ไม่น่าไว้วางใจหรืออาจเป็นอันตราย ก็ไม่จำเป็นต้องรักษาน้ำใจแต่อย่างใด เพียงใช้การปฏิเสธอย่างสุภาพ แล้วออกไปจากสถานการณ์โดยเร็ว