รู้จัก “ฉลากเขียว” เครื่องหมายช่วยสะท้อนความยั่งยืนของแบรนด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ฉลากเขียวของประเทศไทย ริเริ่มขึ้นโดยองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development, TBCSD)
หากคุณทำงานประจำ เมื่อทำไปเรื่อย ๆ ย่อมมีความเบื่อเป็นเรื่องธรรมดากับการใช้ชีวิตแบบรูทีนที่ต้องตื่นเช้า เดินทางมาทำงาน 9 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น พอถึงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็อยากจะพักผ่อน เพราะหมดแรงไปกับการทำงานถึง 5 วันแล้ว แทบไม่ได้ใช้ชีวิตตามแบบฉบับของตัวเอง
เช่นเดียวกับ Alma Rex-Ezonfade ที่รู้ตัวเองว่าการทำงานหนักแบบนี้ไม่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่อยากจะเป็นได้ จึงตั้งเป้าหมายให้กับตัวเองว่าจะเก็บเงินให้มาก ๆ และจะลาออกในช่วงอายุ 30 ปี เพื่อออกมาใช้ชีวิตของตัวเอง แน่นอนว่าการจะทำแบบนี้ได้ “เงิน” คือปัจจัยสำคัญ ดังนั้น เธอจึงวางแผนเก็บเงิน คำนวณค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน รวมถึงหยุดซื้อของฟุ่มเฟือย
เมื่อช่วงเวลานั้นมาถึง Alma ก็ทำตามความตั้งใจได้สำเร็จ สำหรับคนที่ทำงานมาตลอด หลังลาออกจากงาน สิ่งแรกที่ทำ คือสมองที่โปร่งไม่ต้องคิดอะไรให้ปวดหัว ได้นั่งชิว ๆ นอนดูโทรทัศน์อยู่บ้าน แต่หากเป็นอย่างดีไปเรื่อย ๆ เธอคิดว่าคงไม่ดีแน่ และต้องเปลี่ยนความคิดนี้ให้เร็วที่สุด ก่อนจะกลายเป็นคนที่ไร้ประโยชน์
ด้วยความที่ Alma เป็นคนเก่ง มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ คนที่เคยทำงานร่วมกับเธอก็คงรู้สึกเสียดายไม่ใช่น้อย หากเห็นคนที่มีศักยภาพต้องอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไร จึงทำให้เจ้านายเก่า ซึ่งทำงานอยู่ที่ Google บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ยื่นข้อเสนอให้ไปทำงานร่วมกัน แต่เธอปฏิเสธ เพราะการตอบตกลงจะทำให้สิ่งที่ตั้งใจเอาไว้สูญเปล่า โดยเลือกที่จะใช้ชีวิตกับครอบครัว, หางานอดิเรกที่ชื่นชอบทำ, เดินทางไปต่างประเทศ ตลอดจนการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีโอกาสทำมาก่อน
แม้ว่า Alma ได้ใช้ชีวิตที่อยากจะให้เป็นจริง ๆ แต่ก็วางแผนอนาคต โดยศึกษาธุรกิจเกี่ยวกับแฟชั่น ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการขาย ซึ่งเป็นความฝันของเธอเอง
เมื่อระยะเวลาของการลาออกจากงานเดินทางใกล้ครบ 1 ปี ด้วยความที่ไม่มีรายรับ มีแต่รายจ่าย ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจอีกครั้งว่าจะเอาอย่างไรต่อไป โดยตลอดระยะเวลาทำให้ Alma รู้ถึงการยอมรับตัวเอง ความสุขเกิดจากการมองเห็นคุณค่าตัวเอง มากกว่าผลงาน
นอกจากนี้ เธอยังวางแผนชีวิตในอนาคต โดยจะเปิดแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง พร้อมกับทำงานประจำต่อไปสัก 3 ปี และจะลาออกมาพัก 1 ปี ซึ่งเธอจะทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เพราะเป็นการให้ความสุขกับชีวิตอย่างแท้จริง
เรื่องนี้สะท้อนถึงความ Work-Life Balance โดยเราไม่จำเป็นต้องทำแบบ Alma ก็ได้ แต่สิ่งที่ทำได้คือการจัดสรรเวลาให้ลงตัวระหว่างการทำงาน และการใช้ชีวิต เดินทางสายกลาง ซึ่งจะทำให้เราไม่เครียด หรือทำงานหนักมากเกินไป และได้ใช้ชีวิตตามแนวทางที่อยากให้เป็นด้วย
ที่มา: businessinsider