นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก กล่าวในงานเสวนา
“คุกคามทางเพศไม่ใช่เรื่องส่วนตัว: รัฐกับการคุ้มครองผู้เสียหายและอำนวยความยุติธรรม” ว่า บ้านเรามีกฎหมายอาญามาตรา 278 และ 275 ที่ระบุถึงโทษความผิดในการล่วงละเมิดทางเพศไว้อย่างมากมาย ทั้งสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ก็มีกฎก.พ.ที่พูดถึงความผิดของการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ พ.ศ. 2553 เพื่อให้เป็นเครื่องมือในการยับยั้งภัยคุกคามทางเพศ แต่ปัญหาการคุกคามทางเพศกลับไม่เรื้อรังและกฎหมายกลับเป็นเพียงแค่เสือกระดาษ ที่ไม่ได้สร้างความเกรงกลัวต่อโทษเลยแม้แต่น้อย ตัวอย่างล่าสุดกรณีที่ข้าราชการกระทรวงสาธารณะสุขถูกคุกคามทางเพศมานานกว่า 3 ปี ซึ่งสิ่งนี้ได้สะท้อนถึงปัญหาจากสภาพสังคมไทย 4 ประการ คือ
- มีระบบอุปถัมภ์แบบไทยโบราณ ที่ตายยากเหมือนแมลงสาบอายุยืนสกปรกแค่ไหนก็อยู่ได้
- ระบบอำนาจนิยมที่แข็งแรง
- สังคมไทยยังมีอคติกับผู้เสียหาย เช่นชอบมองว่าผู้เสียหายยินยอมหรือให้ท่า ทำให้พวกเขาไม่กล้าเผยตัวตนและเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเอง
- ขั้นตอนการเอาผิดผู้ทำความผิดในระบบราชการมีความยุ่งยากซับซ้อน ยิ่งมีระบบอุปถัมภ์ทำให้คนทำผิดไม่เกรงกลัว
ซึ่งหากจะมองไปที่การล่วงละเมิดทางเพศหรือคุกคามทางเพศในที่ทำงาน ก็มีหลายองค์กรต่างตระหนักและให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหา อย่างกฎก.พ.เกี่ยวกับข้าราชการพลเรือนสามัญที่หากทำผิดข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ต่อข้าราชการด้วยกันหรือผู้ร่วมปฏิบัติราชการด้วยกัน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในหรือนอกสถานที่ราชการ โดยผู้ถูกกระทำมิได้ยินยอมต่อการกระทำนั้น หรือทำให้ผู้ถูกกระทำเดือดร้อนรำคาญ ถือว่าเป็นการกระทำอันเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ ตามมาตรา 83 (8) มีการระบุไว้ชัดเจนว่า
(1) กระทำการด้วยการสัมผัสทางกายที่มีลักษณะส่อไปในทางเพศ เช่น การจูบ การโอบกอด การจับอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง เป็นต้น
(2) กระทำการด้วยวาจาที่ส่อไปในทางเพศ เช่น วิพากษ์วิจารณ์ร่างกาย พูดหยอกล้อ พูดหยาบคาย เป็นต้น
(3) กระทำการด้วยอากัปกิริยาที่ส่อไปในทางเพศ เช่น การใช้สายตาลวนลาม การทำสัญญาณ หรือสัญลักษณ์ใด ๆ เป็นต้น
(4) การแสดงหรือสื่อสารด้วยวิธีการใด ๆ ที่ส่อไปในทางเพศ เช่น แสดงรูปลามกอนาจาร ส่งข้อความ หรือการสื่อสารรูปแบบอื่น เป็นต้น
(5) การแสดงพฤติกรรมอื่นใดที่ส่อไปในทางเพศ ซึ่งผู้ถูกกระทำ ไม่พึงประสงค์ หรือเดือดร้อนรำคาญ
ปัจจุบันกฎก.พ.ที่ออกมาใช้ตั้งแต่ปี 2553 ฉบับนี้ถือว่าบทลงโทษผู้กระทำผิดอาจไม่รุนแรงมากนัก ซึ่งต้นเหตุที่ทำให้กฎก.พ.ฉบับดังกล่าวนี้อ่อนแอก็ล้วนมาจากปัญหาจากสภาพสังคมไทยที่กล่าวมาข้างต้น ฉะนั้นเพื่อนำไปสู่การยับยั้งไม่ให้การล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้นจนสายเกินแก้ ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันและเป็นกระบอกเสียงให้ผู้ถูกกระทำ

