ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ธุรกิจออนไลน์ นับว่ามีบทบาทและทวีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะการตลาดผ่านเฟซบุ๊ค ที่ว่ากันว่า ทำคนรวยมานับไม่ถ้วน.. แต่ตั้งแต่ต้นปี 2017 มานี้ เฟซบุ๊ค แสดงออกชัดเจนเลยว่าไม่เอาเจ้าของกิจการรายเล็กรายน้อย มือสมัครเล่น คนทำธุรกิจที่ไม่เป็นระบบะระเบียบ ดังจะเห็นได้ว่า หลายคนที่ทำธุรกิจออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊ค จะประสบปัญหาต่างๆ มากมาย อาทิ
o โฆษณาไม่ได้รับการอนุมัติ รอๆๆ รอแล้วรอเล่า บางรายถึงกับต้องยกเลิกคำขอโฆษณา แล้วสร้างโพสต์โฆษณาใหม่
o โดนปฏิเสธไม่ให้โฆษณา.. บอกแล้วว่า เฟซบุ๊คเค้าไม่สนเราแล้ว สวยเลือกได้.. และสวยมากซะด้วย
o โฆษณาแล้วผ่านการอนุมัติ.. ได้วันสองวัน โดนระบบเฟซบุ๊คตามสอยร่วง.. บอกแล้วว่าเค้าไม่สน ถ้าหลุดหูผ่านตาไปเค้าก็ตามไปเก็บเอาไปทิ้ง.. เงินซื้อเฟซบุ๊คไม่ได้แล้วนะ ถ้าไม่มากพอ..
o นอกจากนี้ ที่รุนแรงกว่านั้น เช่น เพจปลิว ระงับบัญชีเฟซบุ๊ค ระงับบัญชีการชำระเงิน.. เท่ากับว่าเราจะทำการตลาดผ่านเฟซบุ๊คด้วยการโฆษณาไม่ได้เลย (ผ่านบัญชีนั้น ถ้าจะทำต้องหาบัญชีใหม่มา แต่ก็อาจถูกปิดได้อีก)
o ยิ่งพวกสายดาร์คไม่ว่าจะเป็นสายเทคนิคหรือสายคอนเท้นท์ ยิ่งถือเป็นของแสลงกับเฟซบุ๊ค.. ทำไปได้ไม่นาน ก็โดนจัดการเรียบวุธหมด เพราะเฟซบุ๊คไม่เอาเลย.. พร้อมใส่ไว้ในบัญชีดำ (Blacklist)
พวกหน้าใหม่ใจกล้า ถ้าจะเข้าสู่ธุรกิจออนไลน์โดยเฉพาะเฟซบุ๊ค ว่ากันว่าต้องมีเงินค่าโฆษณาไม่ต่ำกว่า 30,000 บาท/เดือน แลกกับการแค่ให้ผู้บริโภคมองเห็นนะ ส่วนที่ว่าเห็นแล้วจะคิดอย่างไร สนใจมั้ย ซื้อใช้หรือไม่ ก็ต้องดูรายละเอียดของตลาดนั้นๆ อีกที.. จุดนี้จะไม่ค่อยต่างอะไรกับธุรกิจฝั่งออฟไลน์เมื่อครั้งอดีตซักเท่าไหร่
อันที่จริงสถานการณ์นี้ ไม่ใช่สิ่งใหม่ เพราะมีสัญญาณจากเฟซบุ๊คมาตั้ง 2 ปีกว่ามาแล้ว.. ด้วยการที่โพสต์ของเพจ มี Reach ลดลงเรื่อยๆ จนปีกลาย Reach = 0% พอมาปีนี้.. เค้าว่า Reach ติดลบแล้วจ้า.. คือยิ่งโพสต์ ยิ่งเห็นน้อยลงไปทุกที ชัดมากกับคอนเท้นท์ด้อยคุณภาพ และคอนเท้นท์ที่ไม่โดนใจผู้อ่าน
เมื่อปีกลาย กูรูการตลาดออนไลน์ ยังแนะให้แก้เกมด้วยการสร้างความเข้าใจเรื่องการอ่าน Statistics ของเฟซบุ๊ค และพวก Indicators ต่างๆ พอมาปีนี้.. ไม่ต้องดงต้องดูอื่นไกล ท่านว่า ถ้าจ่ายค่าโฆษณา แล้วยอดขายยังคุ้มและมีกำไร ก็ทำต่อไป ถ้าเริ่มใส่เงินแล้วยอดลด กำไรหด ให้เปลี่ยนคอนเท้นท์ หรือปรับลดค่าโฆษณาลงทันที.. เพราะดู Indicators ต่างๆ ยิ่งดูยิ่งยาก ยิ่งคิดยิ่งงง เพราะลงโฆษณา แล้วยอดขายไม่มาไง
กระแสเรื่องการสร้างคอนเท้นท์คุณภาพ Quality Content = Quality Control คือหัวใจของการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน แต่มันฝืนความรู้สึกและความสามารถของคนไทยรุ่นใหม่ ที่ Input ยังน้อย ประสบการณ์ยังไม่แน่น การที่จะไปสร้างคอนเท้นท์คุณภาพ สร้างสรรค์ และโดนใจกลุ่มเป้าหมาย จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำ
และนี่จึงเป็นโอกาสของธุรกิจพวก รับจ้างทำการตลาดออนไลน์ เขียนบทความ เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ราคาแสนถูก ที่ว่ากันตามตรง ก็ไม่ได้สร้างสรรค์คุณภาพด้านคอนเท้นท์ อย่างที่ควรจะเป็นเลย จึงทำให้ธุรกิจออนไลน์ในเมื่องไทย เหมือนวนอยู่ในอ่างอยู่อย่างนี้
คนทำธุรกิจออนไลน์ จะทำอย่างไรดี ขณะที่ต้องพึ่งพาเฟซบุ๊คเป็นหลัก แต่ Reach ก็ติดลบ งบโฆษณาก็ประสิทธิภาพลดลง โดยไม่มีทีท่าว่าจะกระเตื้องขึ้น.. ยอดขายหดหาย จะตายมิตายแหล่อยู่ตอนนี้
ทางรอดน่ะพอมี แต่ต้องคิดต่าง ทำใหม่ ไม่ใช่แบบเดิมๆ หรือก็อปปี้กันไปกันมาแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้..
ขั้นตอนแรกต้องเข้าใจก่อนว่า เฟซบุ๊ค หรือโซเชียล มีเดียอื่น เป็นเพียง “สะพาน” และ “ทางผ่าน” ไม่ใช่ “ตลาดร้านค้า” ที่เราจะมาตั้งร้านขายของกันอย่างเอิกเกริก.. เมื่อก่อนเฟซบุ๊คเปรียบเสมือนที่โล่งๆ ใครจะเข้ามาตั้งโต๊ะขายของ ก็ขายได้ ไม่ว่าอะไร แต่วันนี้ ที่โล่ง เมื่อก่อน เปลี่ยนเป็น “ทำเลทอง” ใครจะมาตั้งร้านขายของแบบกระจอกๆ เค้าไม่อนุญาตแล้วไง เห็นภาพหรือยัง..
เมื่อเข้าใจว่าเป็นสะพาน ก็ต้องใช้งานให้ตรงกับหน้าที่คือ ใช้เฟซบุ๊คเป็นสะพานเชื่อมโยง ติดต่อสื่อสาร และเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย.. ไม่ใช่ใช้เฟซบุ๊คเพื่อขายของโต้งๆ เช่นในอดีต..
ขั้นตอนต่อไป แล้วร้านค้า (ออนไลน์) เราล่ะ จะไปอยู่ที่ไหน ในเมื่อไม่ควรอยู่ที่เฟซบุ๊ค.. ก็เว็บไซต์ไง.. และเว็บไซต์ที่จะช่วยให้เราสร้างความน่าสนใจ และความเชื่อถือได้มาก ก็ต้องเป็นเว็บไซต์ที่ไม่ได้เน้นขายของลูกเดียว.. แบบที่เป็น e-commerce ในอดีต..
แต่ต้องมีประโยชน์โพดผล อุดมไปด้วยคอนเท้นท์ที่เป็นที่ต้องการเพื่อดึงกลุ่มเป้าหมายเข้ามาหาเรา (สร้าง Direct Traffic) จะให้ดีต้องสร้างให้ไปสู่ระดับของการเป็น Community จะยิ่งทรงพลังและเกิดผลได้ทางธุรกิจที่ชัดเจน.. การสร้างคอนเท้นท์ยังทำให้เกิดผลได้เรื่อง SEO Marketing ที่ยั่งยืนมากขึ้นอีกด้วย
ขั้นตอนสุดท้าย คือการสร้างระบบนิเวศน์ (Ecosystem) โดยการสร้าง Networking และ Partnership กับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเรา เชื่อมโยงและส่งเสริมธุรกิจเราให้น่าสนใจยิ่งขึ้น และทำให้ลูกค้าเกิดความสะดวก พึงพอใจมากที่สุดเป็นสำคัญ
สรุปการทำธุรกิจออนไลน์ ไม่ง่ายเหมือนก่อน เฟซบุ๊คเอาแน่เอานอนไม่ได้ คนที่ทำธุรกิจแบบบ้านๆ ไร้ระบบและการจัดการ ไม่มีงบประมาณแบบเงินถุงเงินถัง เฟซบุ๊คก็ไม่ฟัง ไม่คบให้เสียเวลา
เราจึงต้องลุกขึ้นมาสร้างทางเลือกที่เป็นทางรอด ด้วยระบบและการจัดการที่มีคุณภาพ ด้วยการสร้าง “ร้านค้าที่เป็นเว็บไซต์ของตัวเอง” พัฒนาเป็น “Online Community” และพัฒนาไปสู่ภาพใหญ่ของการเป็น “Ecosystem” และทำให้ออกมาให้น่าสนใจ ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย ธุรกิจจึงจะไม่ตาย และสามารถเติบใหญ่ต่อไปท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันบนโลกออนไลน์ที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น ได้อย่างสมศักดิ์ศรี.. เพราะไม่มีที่ว่างสำหรับมือใหม่ และโลกออนไลน์ก็ไม่ใช่ทุ่งหญ้า ลาเวนเดอร์ที่จะให้ใครมาเดินเล่นชื่นชมความสวยงามอีกต่อไปแล้ว..
ขอบคุณข้อมูล วิริทธิพล ปัญญาพรพุฒิเมธ fb : Wiritthipol Panyapornputimet
[บทความทั้งหมด] | [คลิปรายการทั้งหมด]