ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตเพื่อ 40 ปีข้างหน้า เรารอวันที่เราจะเกษียณจากงาน แต่อยากให้มองมุมกลับกันว่า ทำไมเราไม่ใช้ชีวิตเพื่อวันนี้ เราไม่รู้ว่าชีวิตของเรา มันจะสิ้นสุดวันนี้หรือเปล่า อย่าทำอะไรที่ในวันมันสายเกินไปแล้ว: จิณจุฑา จุ่นวาที
รายการ The stronger ฅนหัวใจแกร่ง ครั้งนี้ พาไปสร้างแรงบันดาลใจกับคุณจ๊ะจ๋า จิณจุฑา จุ่นวาที สาวร่างเล็กวัย 24 ปี ที่ร่างกายพิการมาตั้งแต่กำเนิด ซึ่งเธอเป็นโรคกระดูกเปราะ เป็นผลสืบเนื่องมาจากคุณแม่แท้ๆของเธอต้องการยุติการตั้งครรภ์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อคลอดเธอออกมาพ่อกับแม่ก็ทิ้งไป มีเพียงแม่บุญธรรมเท่านั้นที่คอยดูแลให้ความรักและเป็นกำลังใจ และพาเธอก้าวผ่านพ้นช่วงเวลาเจ็บปวดจากการผ่าตัดรักษาโรคกระดูกเปราะมากถึง 34 ครั้ง
คุณจ๊ะจ๋า เล่าว่า ตามหลักรตนี้เป็นโรคที่เกิดจากกรรมพันธุ์ แต่ของเธอเกิดจากที่คุณแม่ทานยาขับเพื่อทำแท้ง บวกกับการติดสารเสพติดทำให้เป็นโรคกระดูกเปราะ ข้างนอกของเธอดูเหมือนจะแข็งแรง แต่ในความเป็นจริง กระดูกจะหักง่าย ในวัยเด็กคุณแม่บุญธรรมเลี้ยงดูเหมือนคนปกติทั่วไป จึงไม่รู้เลยว่ามีความพิการ จนถึง 10 ขวบ ช่วง ป.4 ทำให้ว่าตัวเองพิการ เพราะต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา
ตลอด 24 ปีที่ผ่านมาต้องผ่าตัดมามากถึง 34 ครั้ง จนมองว่ามันเป็นเรื่องปกติ ที่จะอยู่คู่กับเราไปจนวันสุดท้ายของเรา ซึ่งปกติหนูจะทำอะไรเองได้ตลอดเวลา แต่เมื่อต้องผ่าตัดแม่ต้องกลับมาช่วยเหลือเรา ทำให้เกิดความรู้สึกดราม่า ในด้านการสร้างกำลังใจให้ตัวเอง จะใช้วิธีอ่านหนังสือ เช่น นิยาย หนังสือให้กำลังใจตัวเอง ไปจนถึงการดูหนังฟังเพลง และการเรียนจบปริญญาตรี เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจ และก้าวข้ามความเป็นเด็กสู่ผู้ใหญ่
ปัจจุบันขายของเบ็ดเตล็ด เช่น กล่องดินสอ แฟ้มเอกสาร กระเป๋าสตางค์ อยู่ที่ถนนคนเดิน ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี คลอง 6 ซึ่งขายมาตั้งแต่ช่วงเรียนมหาลัยวิทยาลัยแล้ว นอกจากนั้น ยังขายผ่าน Twitter ชื่อว่า @Thejajah และ IG ชื่อ @ThejajahShop ครั้งแรกที่ขาย เกิดจากความอยากได้ แต่จากความชอบ ทำให้ปัจจุบันมีรายได้เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 1,000-2,000 บาท เกิดเป็นกำลังหลักในครอบครัว
ด้านสวัสดิการเพื่อคนพิการจากภาครัฐ คุณจ๊ะจ๋า มองว่าสาธารณูปโภคในสถานศึกษายังไม่สามารถะเอื้อให้สำหรับผู้พิการได้เท่าที่ควร ทั้งยังต้องไปเสาะเสวงหาเอง ว่าสถานศึกษาแต่ละแห่งพร้อมรับผู้พิการมากแค่ไหน เช่น มีลิฟต์ มีทางลาด มีห้องน้ำผู้พิการเพราะหากเข้าไปแล้วไม่สามารถจะช่วยเหลือตัวเองได้ ก็กลายเป็นว่าต้องไปเดือดร้อนคนอื่น
สุดท้ายอยากฝากข้อคิดว่า ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตเพื่อ 40 ปีข้างหน้า เรารอวันที่เราจะเกษียณจากงาน เรารอวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพื่อที่เราจะได้นอนพักผ่อนอยู่ที่บ้าน แต่อยากให้มองมุมกลับกันว่า ทำไมเราถึงต้องใช้ชีวิตเพื่ออีก 40 ปีข้างหน้า ทำไมเราไม่ใช้ชีวิตเพื่อวันนี้ เราอยากกินอะไร เรามีความสุขกับการที่เราจะไปทำอะไร เรามีจุดมุ่งหมายที่จะทำอะไร ไม่อยากให้มองอนาคตที่มันยาวไกลเกินไป เราไม่รู้ว่าชีวิตของเรา มันจะสิ้นสุดวันนี้หรือเปล่า หรือพรุ่งนี้หรือเปล่า หลายๆคนก็จะเคยได้ยินประโยคที่บอกว่า อย่าทำอะไรที่ในวันมันสายเกินไปแล้ว มันจะทำอะไรไม่ทัน คำนั้นเป็นจริงเสมอ อยากให้ใช้ชีวิตคุ้มกับทุกๆวัน แล้วก็อนาคตนะมันจะดีไปตามลำดับ เพราะว่าวันนี้เราทำไว้ดีแล้ว