อยากให้คนพิการสร้างแรงกำลังใจให้กับคนปกติ ยามที่เขาท้อถอย ไม่สู้ แต่พอได้เห็นเรื่องราวของคนพิการ มันทำให้เขามองย้อนไปในชีวิต อย่างน้อยๆ ก็เป็นกำลังใจให้คนปกติได้: สมศักดิ์ เหมรัญ
รายการ The Stronger ฅนหัวใจแกร่ง ครั้งนี้ ไปที่จังหวัดพัทลุงเพื่อพบกับคุณสมศักดิ์ เหมรัญ ผู้ประสบอุบัติเหตุบนถนน เมื่อ 10 ปีก่อน จนพิการแขนซ้ายไร้ความรู้สึก ขณะเดียวกันก็ต้องสูญเสียคุณแม่ไป ในช่วงนั้นแม้ความทุกข์จะโถมกระหน่ำ แต่สุดท้ายเขาสามารถก้าวผ่านวันร้ายๆ มาได้อย่างเข้มแข็ง พร้อมการเรียนรู้คุณค่ามากมายในชีวิต
คุณสมศักดิ์ เล่าย้อนไปเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2544 ณ จังหวัดสงขลา ขณะขี่มอเตอร์ไซค์พาแม่ไปธุระ ซึ่งไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ จู่ๆมีรถกระบะมาชนท้าย ทำให้หลังกระแทกกับถนน ท้ายทอยน็อคกับพื้น แต่ที่หนักก็คือเส้นประสาทของของไหล่ซ้ายทั้งหมดกระแทกกับถนนทำให้ฉีกขาดกระดิกไม่ได้ ตั้งแต่ข้อศอกลงมาที่นิ้วไร้มีความรู้สึก
แต่ที่หนักไปกว่านั้นคือแม่ที่โดยสารมากับเราได้รับอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ทำให้เราต้องมาอยู่กับพี่ชาย ซึ่งก็ได้แต่นึกถึงคำสอนของแม่มาตลอด แม่บอกว่าเกิดมาเป็นคนต้องมีความอดทน เมื่อมีลมหายใจอยู่ มันก็ต้องสู้ต่อไป ถ้าเกิดมาเป็นคนไม่มีคำว่าอดตาย เวลานึกถึงคำสอนนี้เราก็จะค่อยๆ ทำใจได้ และมานั่งเรียนรู้การใช้ชีวิตใหม่ทั้งหมด และอีกกำลังใจที่ได้มาก็มาจากพี่ชายคนกลาง รวมถึงญาติๆของพี่ชายคนโต ซึ่งได้ดูแลกันมาตลอด
ปัจจุบันทำอาชีพนักดนตรีเป็นอาชีพหลัก เราเล่นกีต้าร์เป็นมาตั้งแต่ตอน 2 มือที่ยังปกติ ที่ยังไม่อุบัติเหตุ แต่อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนมาเล่าให้ฟังว่าได้ดูคนเล่นกีต้าร์มือเดียวออกทีวี เราก็เลยเริ่มมีความหวัง คนนั้นเล่นได้ เราก็น่าจะเล่นได้ เพราะเราเองก็มีพื้นฐานมาก่อน ตอนแรกต้องใช้ความอดทนพยายามมาก และฝึกมาเป็นปีจนกว่าจะชำนาญอย่างทุกวันนี้
สำหรับงานเล่นกีตาร์ร้องเพลง บางทีก็ติดต่อเข้ามาให้ไปเล่นต่างจังหวัด ตามงานต่างๆ ไม่ว่าองค์กรหน่วยงานของรัฐ หรือว่าเอกชน บางครั้งก็เป็นงานการกุศล เพราะเราอยู่ในมูลนิธิของ fight for all ที่กรุงเทพฯ ซึ่งมีคนพิการแขน ขา ตา ปัญญา หู มารวมกันในมูลนิธิ ส่วนเงินที่ได้ก็จะเอาไปช่วยเหลือคนพิการ เด็กกำพร้า คนชรา คนไร้ที่พึ่ง
นอกจากอาชีพเล่นกีตาร์แล้ว ตอนนี้ก็เป็นพ่อค้าด้วย ตอนเย็นก็จะออกไปขายของกับแฟน เช่น ปลาลูกเล่ทอดขมิ้น มะละกอสายพันธุ์เรดเลดี้ และข้าวเกรียบปลาปัตตานี ที่หน้าสถานีรถไฟพัทลุง ตรงนี้เป็นถนนคนเดินที่มีทั้งของกินของใช้ และเสื้อผ้า เรามีรถเข็นเป็นที่ประจำ พึ่งได้เริ่มทำมาได้ไม่นานนัก
ในเรื่องของการเข้าถึงสิทธิ์ สวัสดิการจากทางภาครัฐ ปัจจุบันก็ได้รับเงินของคนพิการเดือนละ 800 บาท และใช้สิทธิทำงานตามมาตรา 33 ที่ให้จ้างงานคนพิการในชุมชน ที่ได้ไปร้องเล่นดนตรีให้ผู้ป่วยฟัง
ด้านความเหลื่อล้ำระหว่างคนปกติกับคนพิการ ถ้าเทียบกับสมัยก่อนตอนนี้ดีขึ้นเยอะมาก เพราะหน่วยงานของรัฐและเอกชนก็ได้ว่าจ้างคนพิการเข้าทำงานหลายส่วน ซึ่งมองว่าคนพิการก็สามารถทำได้ไม่น้อยกว่าคนปกติ คนพิการมองในแง่ดีอยู่แล้ว อยากให้คนพิการสร้างแรงกำลังใจให้กับคนปกติ ยามที่เขาท้อถอย ไม่สู้ แต่พอได้เห็นเรื่องราวของคนพิการ มันทำให้เขามองย้อนไปในชีวิต อย่างน้อยๆ ก็เป็นกำลังใจให้คนปกติได้
คนพิการ หรือไม่พิการ ศักดิ์ศรีทุกคนมีเท่าเทียมกัน ขอให้เป็นกำลังใจให้กับคนพิการด้วย ผมคนนึงที่อยากเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนใช้ชีวิตสู้ต่อไป