“สะโรรักษ์” ย้ำภาพเวชสำอางเบอร์หนึ่ง ขยายศูนย์ความงามเพิ่ม 300 สาขา

อินเทรนด์ตลอดกาลสำหรับกระแสสุขภาพความงามที่ยังคงเป็นธุรกิจที่แรงไม่เลิก ด้วยคอนเซ็ปต์ของผู้บริโภครุ่นใหม่จะมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในสัดส่วนราคาที่เหมาะสม ไม่ได้ยึดติดกับความเป็นแมสแบรนด์ แต่จะมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยและเป็นสินค้าที่มาจากธรรมชาติ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเวชสำอางเพื่อความงาม และสถานบริการความงาม ที่มีผู้เล่นทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า ก้าวเข้ามาในตลาดอย่างคึกคัก ด้วยสารพัดกลยุทธ์การตลาดที่ต่างนำเสนอกันอย่างสุดฤทธิ์ มีทั้งที่เห็นผลจริงและไม่จริง

 

สำหรับผู้เล่นหน้าเก่าที่เราคุ้นเคยกันดีกับเวชสำอางสมุนไพร “สะโรรักษ์” แบรนด์ความงามคุณภาพอันดับต้นๆ ของเมืองไทยที่อยู่ในแวดวงการตลาดเวชสำอางสมุนไพรรักษาสิว ฝ้า มายาวนานกว่า 22 ปี นำทัพโดย คุณอารักษ์ ดีไพร ประธานกรรมการ บริษัท สะโรรักษ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้มาเล่าเรื่องราวของธุรกิจความงามสะโรรักษ์ พร้อมทั้งการชูคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดขายหลักที่แข็งแกร่งดุจหินผา ในความเป็นแบรนด์ไทยสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ด้วยสมุนไพรไทยทำให้กลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายมั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัย 

 

คุณอารักษ์ กล่าวให้รายละเอียดถึงธุรกิจว่า “ผลิตภัณฑ์สมุนไพรสะโรรักษ์มีความแตกต่างและโดดเด่นที่เหนือกว่าคู่แข่งสินค้าอื่นในกลุ่มตลาดเดียวกันอย่างมาก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของการรักษาสิว ฝ้า จากประสบการณ์ 22 ปีที่ผ่านมา เราจึงกล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่า “เราเก่งที่สุดเรื่องสิว ฝ้า” เพราะเรามั่นใจในการยอมรับของกลุ่มลูกค้าที่เข้ามารักษากับเรา แทบจะเรียกได้ว่า 99% ที่มาปรึกษาและเข้าคอร์สทรีตเม้นท์ผิวหน้าในศูนย์ความงามของเรา จะกลับออกไปแบบผิวหน้าสวยใส ประทับใจทุกราย”

 

“เวชสำอางสมุนไพรสะโรรักษ์”ได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรไทยและแพทย์ด้านผิวพรรณ ตลอดจนผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กระทรวงสาธารณสุขว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัย ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และสารเคมีห้ามใช้รวมถึงมีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน จากโรงงานผลิต เอส บี พี แมนูแฟคเจอริ่ง ซึ่งเป็นโรงงานผลิตในเครือของบริษัทฯ ซึ่งได้รับมาตรฐาน GMP (Good manufacturing Practice) จากคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข 

 

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์สะโรรักษ์ ยังได้รับอนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์สินค้าไทย Thailand’s Brand จากส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ว่าเป็นผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมาตรฐานในส่งออกจำหน่ายยังต่างประเทศ รวมถึงได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณจากสถาบันชั้นนำอีกมากมายตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

 

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนทำธุรกิจกับธุรกิจแฟรนไชส์ศูนย์ความงามสะโรรักษ์ คุณอารักษ์กล่าวว่า สะโรรักษ์มีแผนการเพิ่มธุรกิจในรูปแบบใหม่ด้วยแฟรนไชส์ศูนย์ความงามแบบครบวงจรใช้ระบบแผนการตลาดแนวใหม่ที่เรียกว่า MFC (MLM + Franchise) เพื่อให้ผู้ลงทุนมีรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยใช้ซอฟท์แวร์ในการบริหารระบบธุรกิจแบบออนไลน์ ทั้งนี้เงื่อนไขการลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้หลายรูปแบบตามกำลังโดยแบ่งเป็น 3 Types เริ่มต้นที่ 30,000 บาท, 150,000 บาท และ 300,000 บาท โดยสามารถสอบถามรายละเอียดต่างๆ ได้ที่เจ้าหน้าที่บริษัทฯ หรือติดต่อฝ่ายศูนย์ความงามโดยตรง 

 

“ผลประกอบการครึ่งปีที่ผ่านมา บริษัทบรรลุผลสำเร็จตามที่วางไว้ในระดับที่น่าพอใจทั้งในส่วนของการปรับปรุงภาพลักษณ์ศูนย์ความงามให้มีความทันสมัย โดยใช้โทนสีเขียวที่เน้นย้ำคงความเป็นธรรมชาติสไตล์โมเดิร์นเพื่อรองรับกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ รวมทั้งการปรับเปลี่ยน Packaging Design โดยเริ่มจากผลิตภัณฑ์ใหม่ก่อนแล้วค่อยๆ ทยอยปรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเดิมรองรับการเปิดตลาด AEC แต่ในส่วนที่เห็นผลน่าพอใจที่สุดก็คือการขยายฐานเครือข่ายแฟรนไชส์ศูนย์ความงามตั้งแต่เราจัดแคมเปญโปรโมชั่นเปิดศูนย์ไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว”

 

สำหรับเป้าหมายธุรกิจและกลยุทธ์การตลาดช่วงครึ่งปี 2556 สะโรรักษ์ยังคงสานต่อแผนงานที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของ 1.การเพิ่มช่องทางจำหน่ายด้วยการขยายแฟรนไชส์ศูนย์ความงามที่มีบริการแบบครบวงจรให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งในระดับจังหวัด และอำเภอไม่ต่ำกว่า 300 สาขาทั่วประเทศ 2.สร้างกิจกรรมทางการตลาดเพื่อสนับสนุนงานขายให้กับศูนย์ความงามและผู้ร่วมธุรกิจรายเดิม ให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น

 

3.การขยายฐานสมาชิกในระบบธุรกิจเครือข่าย MFC ด้วยการจำหน่ายแพคเกจชุดสมัครเปิดสวย+เปิดรวย ซึ่งเป็นชุดเริ่มต้นธุรกิจเครือข่ายอย่างง่ายในราคาเพียงชุดละ 1,750 บาท 4.การเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายและครอบคลุมจากผลิตภัณฑ์เดิมที่มีมากกว่า 50 รายการ ทั้งในส่วนของกลุ่มสกินแคร์ ซึ่งเป็นไลน์ที่สะโรรักษ์มีความถนัดดีอยู่แล้วแต่จะเป็นการเพิ่มที่ต่อยอดมากขึ้นจากความเชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรบวกกับการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้, กลุ่มบอดี้ แคร์ ทั้งในส่วนของสลิมและไวท์, กลุ่มแฮร์แคร์ เช่น ผลิตภัณฑ์แก้ปัญหาผมร่วง และซัพพลีเม้นท์ โปรดักส์ ฯลฯ

 

“สุดท้ายที่มีความสำคัญมากก็คือ การทำการประชาสัมพันธ์แบรนด์สะโรรักษ์ที่ยิงตรงกลุ่มเป้าหมาย และเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ร่วมธุรกิจ โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคยุคใหม่ในปัจจุบัน ทั้งหมดนี้ เป็นกลยุทธ์หลักที่สะโรรักษ์ใช้ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 โดยบริษัทตั้งเป้าเพิ่มยอดขายในทุกช่องทางประมาณ 30-35% ในปี 2556 นี้” คุณอารักษ์กล่าวสรุป

 

ข้อมูลธุรกิจ