“ชานมไข่มุก” นำตลาดเครื่องดื่ม ขยับฐานะสู่ร้านนั่งแบบ Tea Café


++ การทำธุรกิจไม่ให้เจ๊งนั้น สิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือ เทรนด์และแนวโน้มของธุรกิจ ถึงแม้ว่าสินค้าคุณจะเลิศระดับเพชรมาเจ็ดชั่วคนก็ตาม ศึกษาเพื่อนำเทรนด์เข้ามาพัฒนาโปรดักส์ให้ทันยุคสมัย ไม่ให้ตายไปกับกลุ่มลูกค้าเดิมๆ สำหรับเครื่องดื่มในปัจจุบันมีตัวเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคได้ตื่นตาตื่นใจมาต่อเนื่อง เทรนด์ที่ถูกดึงขึ้นมาเรียกความสนใจจากผู้บริโภคในปีนี้ เช่น ดื่มสดๆ จากฟาร์มสำหรับคนรักสุขภาพ

ประสบการณ์ใหม่ๆ มาสร้างสีสันกับชีวิตที่วุ่นวายในสังคมเมือง บวกกับกระแสการรักษาสุขภาพแบบอิงธรรมชาติที่กำลังได้รับความนิยม

++ดื่มรับกลิ่นเพื่อการผ่อนคลาย ช่วยผ่อนคลายในชีวิตประจำวัน เช่น กลุ่มชา มีการพัฒนากลิ่นใหม่ๆ ที่น่าสนใจขึ้น อาทิ ชาเขียวกลิ่นกุหลาบ ชาลาเวนเดอร์ ฯลฯ อีกกระแสที่มาแรงคือ การผสมผสานของเครื่องดื่มหลากหลายตระกูล เพื่อรสชาติและกลิ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์มากขึ้น เช่น น้ำผลไม้ผสมนม รวมไปถึงน้ำผลไม้และสมุนไพรที่มีกลิ่นเฉพาะ เช่น เบอรรี่ ทับทิม ตะไคร้ ฯลฯ เทรนด์น้องใหม่ที่มาแรงไม่น้อยคือ อาหารและเครื่องดื่มสำหรับคนที่มีอาการแพ้ต่ออาหารหมวดหลักๆ เช่น สมูธตี้นมถั่วเหลือง สำหรับคนที่กินเจ เป็นต้น

++ อ.เชษฐา ใจใส อาจารย์ประจำสถาบันอบรมอาชีพชี้ช่องรวย หลักสูตรเครื่องดื่ม กาแฟบูรณาการ ชานมไข่มุก สมูธตี้ น้ำผลไม้ และเครื่องดื่มจากนมสด ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการเครื่องดื่มมานานกว่า 30 ปี กล่าวถึงความน่าสนใจของธุรกิจเครื่องดื่มว่า การทำเครื่องดื่มขั้นแรกต้องทำให้อร่อย ถึงจะกินได้ขายได้ และส่วนผสมต้องมีสูตรตายตัว เพราะเครื่องดื่มมีน้ำตาลเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าชิมทุกวันมันทำร้ายสุขภาพ

++ “ความน่าลงทุนในธุรกิจเครื่องดื่ม ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละคน เทรนด์เครื่องดื่มไม่รู้จะไปทะลุตรงไหนแล้ว ยกตัวอย่างเมื่อก่อน ชา ก็จะมีแต่ชาเขียวธรรมดา เดี๋ยวนี้มีชาแอบเปิ้ล ชากลิ่นผลไม้ น้ำเดิมแต่เปลี่ยนแพ็กเกจจิ้ง ปรุงแต่งรสให้มีมากขึ้น ‘หวาน หอม เย็น’ มีแค่นี้ อยู่ที่แต่ละคนละหยอดกลิ่นเป็นมั้ย สู้กันที่ภาพลักษณ์ ธุรกิจน้ำทำแล้วเจ๊งยาก แต่คุณต้องทำน้ำที่มีคุณภาพ สะอาด ให้ผู้บริโภค”  

++“ชานมไข่มุก” กับรูปแบบ Tea Café

++ปีที่ผ่านมาเครื่องดื่มที่ร้อนแรงที่สุด ต้องยกให้ “ชานมไข่มุก” หนึ่งมุมถนนเปิดขายกัน 3-4 ร้าน มีคำถามที่เจอบ่อยๆ ว่า “ชานมไข่มุก ฮิตจริงหรือแค่กระแส” ก่อนหน้านี้ประมาณ 10 ปี ชานมไข่มุกเคยได้รับความนิยมอย่างสูงมาแล้วรอบหนึ่งก่อนที่กระแสจะค่อยๆ แผ่วลงไป เพราะขาดความหลากหลาย ลดต้นทุน ขายตัดราคากันเอง จนเมื่อ 2-3 ปีให้หลังมานี้กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง ซึ่งเป็นการรีเทิร์นที่แรงยิ่งกว่าเดิม เพราะได้ขยายตลาดกว้างขึ้นนอกเหนือจากวัยรุ่นก้าวไปสู่คนทำงาน และครอบครัว 

++กลับมาครั้งนี้ ด้วย “บรรจุภัณฑ์” เป็นแก้วผนึกแผ่นพลาสติกใสปิดสนิท ดูสะอาด และสะดวกพกพา การวางตำแหน่งหาลูกค้าที่กว้างขึ้น เมนูหลากหลายยิ่งขึ้น ขนาดของเม็ดไม่มุกนั้นมีขนาดที่เล็กลงและความหยุ่นที่มากขึ้น มีเปิดขายทั้งในห้างสรรพสินค้า แหล่งสำนักงาน สถานีรถไฟฟ้า และย่านธุรกิจ ทำให้เครื่องดื่มชาไข่มุกฉีกตัวออกจากแค่เครื่องดื่มแฟชั่น มาสู่เครื่องดื่มในชีวิตประจำวันได้เช่นเดียวกับ “กาแฟ”

++ข้อมูลจาก “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” คาดว่า ในปีที่ผ่านมา ตลาดเครื่องดื่ม “ชา” มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท หากเจาะจงเฉพาะ “ชานมไข่มุก” คาดมูลค่าตลาดไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาทต่อปี โดยคาดว่าจะมีแบรนด์ชานมไข่มุกเจ้าใหม่เกิดขึ้นเฉลี่ยทุกเดือนๆ ละ 2 ราย มีตั้งแต่รายใหญ่ รายเล็ก หน้าเก่า หน้าใหม่ รวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 10,000 รายในตลาด นอกจากร้านขายกาแฟทั่วไปก็มีการปรับตัวรับกระแสชานมไข่มุกฟีเวอร์ มีการเพิ่มรายการเครื่องดื่มประเภทนี้เข้าไปด้วยเพื่อรองรับลูกค้า

++ การเติบโตอย่างรวดเร็วขานมไข่มุก หลายคนวิตกว่าเข้าสู่ขาลง ผู้ประกอบการชานมไข่มุกหลายรายมีแนวคิดตรงกันคือ การขยับตัวเองไปสู่ Tea Café ปกติพฤติกรรมผู้บริโภคชานมไข่มุกจะมีลักษณะแบบ Take away ซื้อกลับไปกิน จะทำอย่างไรให้เปลี่ยนหันมาใช้เวลาที่ร้าน เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายผลิตภัณฑ์อื่นๆมากขึ้น คุณสมชาย จันทร์สว่าง เจ้าของชานมไข่มุกแบรนด์ Fresh Me กล่าวว่า

++ “Fresh Me ถ้าเป็นทำเลห้องแถว จะมีโต๊ะเก้าอี้ กระจกเปลือย ใช้งานสติ๊กเกอร์ กราฟิกดีไซน์มาเล่น ถ้าเป็นบ้านน็อกดาวน์ จะเป็นกระจกเปลือย เน้นความโปร่งสว่าง เพื่อดึงให้ลูกค้านั่งอยู่ในร้าน เราไม่ได้มอว่างนี่คือธุรกิจขายชานมไข่มุกอย่างเดียว มีสมูธตี้ มีนมสด มารองรับลูกค้า อย่างสมูธตี้ต้นทุนเราถูกมากแค่ 8 บาท แต่เราขาย 30 บาท ถึงกระแสชานมจะตก จะทำยังไง เพราะเรามีเมนูที่ตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัยอยู่แล้ว”

++ร้านชา Naicha สร้างความต่างด้วย “ชาใสไข่มุก” คุณประยุทธ เจียรกุล เจ้าของแบรนด์กล่าวว่า “สิ่งที่เรามุ่งหวังไปคือการเป็น ‘หน่าย-ฉ่า ที คาเฟ่’ สำหรับกลุ่มคนที่หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ และมองหาเครื่องดื่มชนิดอื่นในบริบทของบริการแบบเดียวกัน แต่กว่าจะถึงจุดนั้นเราต้องสร้างความเข้าใจให้กับลูกค้า แล้วชาใสมีประโยชน์กับสุขภาพมากกว่า ถ้าเทียบในแง่ของต้นทุนและผลกำไร ชานมต้องใส่นมและครีมเทียมเยอะ ทำให้ต้นทุนสูงกว่าชาใส ถ้าวันหนึ่งขายได้ 100 แล้วเท่ากัน ผลกำไรชาใสได้มากกว่า”

++ ตลาดเครื่องดื่มชาในบ้านเรายังมีช่องว่างทางธุรกิจอยู่มากสำหรับผู้สนใจในธุรกิจนี้ ในแง่ผลกำไรนั้นอย่างต่ำ 100%ของต้นทุน สิ่งสำคัญต้องแตกต่างจากร้านชานมทั่วไปให้ได้ และอย่าหยุดที่จะพัฒนาธุรกิจ