“พรีมา แคร์” ผู้ผลิตเครื่องสำอางและอาหารเสริมชั้นนำ ครบวงจรสร้างแบรนด์ลงทุน 3 รูปแบบ เริ่มต้นหมื่นบาท

++ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี ความจริงใจและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจที่ส่งเสริมให้ “พรีมา แคร์” ยืนหยัดอย่างสง่างามที่สุดในตลาดความงามและสุขภาพ ทั้งยังสั่งสมชื่อเสียงในฐานะผู้ให้บริการรับผลิตสินค้าประเภทเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิวและอาหารเสริม ในลักษณะ OEM แบบครบวงจร (One Stop Service) ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทุกกลุ่มเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

++คุณพัชรี เลิศวิลัยวิทยา ผู้อำนวยการ บริษัท พรีมา แคร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จที่ พรีมา แคร์ ส่งต่อให้กับลูกค้าว่า ผลิตภัณฑ์ของพรีมา แคร์ ได้รับการคิดค้นพัฒนาจากทีมนักวิทยาศาสตร์และเภสัชกรที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญสูงด้านเครื่องสำอางและอาหารเสริม ใส่ใจในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต ส่งผลให้สินค้ามีคุณภาพที่ดี มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพตามที่กำหนด เมื่อลูกค้านำไปจำหน่ายก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี ไม่มีปัญหาด้านคุณภาพสินค้า ลูกค้าจึงสามารถทำการตลาดสร้างแบรนด์ได้อย่างราบรื่นและมั่นใจ จนกิจการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน

++สำหรับงบในการลงทุนเริ่มต้นที่ 10,000 บาท ซึ่งจะได้ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตัวเองไปจำหน่าย โดยเบื้องต้นพรีมา แคร์ จะแนะนำสินค้าที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณของเจ้าของผลิตภัณฑ์ทุกท่าน เพื่อให้สามารถมีสินค้าไปจำหน่ายได้อย่างง่ายดาย ที่ผ่านมาพบว่าหลายๆ ธุรกิจที่เริ่มต้นทำแบรนด์กับพรีมา แคร์ ต่างพากันขยายจำนวนและชนิดของสินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเองให้เพิ่มขึ้นและหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า บางรายประสบความสำเร็จและส่งแบรนด์ของตนเองนั้นไปสู่ตลาดต่างประเทศ

++ส่วนการลงทุนกับพรีมา แคร์ มีผลิตภัณฑ์หลักในการทำธุรกิจอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวหน้าและผิวกาย กับ กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ในรูปแบบแคปซูลและชนิดผงชงดื่ม ทั้งสองกลุ่มมีศักยภาพมากจนนำพากิจการของพรีมา แคร์ ให้ก้าวไปสู่ 1 ใน 10 อันดับของผู้ผลิตเครื่องสำอางและอาหารเสริมในระดับเอสเอ็มอี ด้วยรูปแบบต่างๆ ดังนี้

++1.สั่งซื้อสินค้าที่มีอยู่แล้วไปทำตลาด พรีมา แคร์ เป็นเจ้าของอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์ชงดื่ม แบรนด์ V-Well รวม 3 สูตร และ ผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิว แบรนด์ พีซี (PC Brand) ที่มีสินค้าโดดเด่นคือ ครีมกันแดดผสมรองพื้น, Sleeping Mask, มาส์กเต้าหู้, เซรั่มพิษงู และ ครีมพิษผึ้ง เป็นต้น หากผู้ที่ต้องการสินค้าเหล่านี้ไปจำหน่าย สามารถสั่งซื้อผ่านหน้าเว็บไซต์ของ พรีมา แคร์ ได้โดยไม่จำกัดปริมาณ

++2.สั่งผลิตสินค้าสูตรมาตรฐานซึ่ง พรีมา แคร์ ได้นำเสนอแก่ผู้ที่ต้องการสินค้าไปติดแบรนด์ของตนเอง ลูกค้าสามารถสั่งผลิตสินค้าด้วยสูตรที่ผ่านการทดสอบผลการใช้มาแล้ว ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพียงมีงบประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป ก็เริ่มสร้างแบรนด์ของตัวเองได้ในสินค้ากลุ่มครีมบำรุงผิว

++3.สั่งพัฒนาและผลิตสินค้าสูตรของตนเอง กรณีลูกค้าต้องการสินค้าที่แตกต่างกันออกไป พรีมา แคร์ ก็พร้อมให้บริการแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การช่วยพัฒนาคอนเซ็ปต์สินค้า การพัฒนาสูตรสินค้าตามความต้องการของลูกค้าเฉพาะราย การออกแบบบรรจุภัณฑ์และฉลากสินค้า การดำเนินการจดแจ้งขึ้นทะเบียนสินค้ากับทาง อย. และผลิตสินค้าเพื่อส่งมอบแก่ลูกค้า

++คุณพัชรี พูดถึงเป้าหมายในอนาคตว่า บริการเสริมหลังการขายเป็นสิ่งสำคัญมากที่พรีมา แคร์ เล็งเห็นและให้ความสำคัญ ดังนั้นเราจึงมีบริการออกแบบฉลาก และ กล่องบรรจุภัณฑ์เพื่อเสริมความโดดเด่น สร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์สินค้าของลูกค้าแต่ละราย รวมถึงบริการช่วยหาช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถกระจายสินค้าไปสู่มือผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว  ทั้งนีบริการเสริมดังกล่าว ก็สำคัญเทียบเท่ากับกระบวนการผลิตภายในโรงงาน โดยพรีมา แคร์ ถือเป็นบริษัทอันดับต้นๆ ที่เล็งเห็นความสำคัญของการรับรองคุณภาพด้วยมาตรฐานการผลิตต่างๆ ที่ผ่านมาได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิต GMP จากกลุ่มควบคุมเครื่องสำอางและกองควบคุมอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ตลอดจนมาตรฐานการดำเนินธุรกิจ ISO 9001:2008 ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการขอรับรอง ISO 17025:2005 ซึ่งเป็นมาตรฐานเกี่ยวกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลก เพราะเป้าหมายในอนาคตคือการพัฒนาพรีมา แคร์ ขึ้นเป็นผู้ผลิตชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน

++นอกจากนี้ยังขยายพื้นที่โรงงานผลิตส่วนของสายการผลิตเครื่องสำอางและสายการผลิตอาหารเสริม โดยเพิ่มเครื่องจักรซึ่งมีเทคโนโลยีในการผลิตอันทันสมัย เพื่อพัฒนาศักยภาพในการผลิตให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ส่งผลให้หลังจากเสร็จสิ้นการขยายส่วนโรงงานผลิต จะมีพื้นที่ใช้สอยรวมทั้งสิ้นมากกว่า 4,000 ตารางเมตร ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีแผนจะเปิดสาขาแห่งใหม่ของพรีมา แคร์ ที่จะกลายเป็นอาณาจักรย่อมๆ บนถนนราชพฤกษ์ เพื่อรองรับลูกค้าในประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และพร้อมรับการเปิดประตูเสรีสู่ภูมิภาคอาเซียน (AEC) ที่กำลังจะมาถึงในปี 2558 นี้

/////////////////////////////////