เมียนมาร์ขาดดุลการค้าพุ่ง 88% ในปีงบประมาณ 2557/2558


การขาดดุลการค้าของเมียนมาร์พุ่งสูงขึ้น 88% ในปีงบประมาณที่จบในเดือนมีนาคม ซึ่งเกิดจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า เศรษฐกิจของเมียนมาร์ถูกฉุดรั้งจากการบริหารงานที่ผิดพลาด, การคอร์รัปชั่น และการที่ประเทศตะวันตกปฏิเสธการค้าและการลงทุนในเมียนมาร์ เนื่องจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนภายใต้รัฐบาลทหาร ซึ่งครองประเทศเมียนมาร์กว่า 50 ปี โดยการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในปี 2554

ในปี 2554 รัฐบาลกึ่งพลเรือนเข้าสู่อำนาจ และดำเนินการปฏิรูปทางเศรษฐกิจและการเมืองขนานใหญ่ จากนั้นสหภาพยุโรป, ออสเตรเลีย, สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆก็ทำการยกเลิกหรือผ่อนคลายการกีดกันทางการค้า เปิดประตูเมียนมาร์สู่เศรษฐกิจโลก

โกลบอล นิว ไลท์ ออฟ เมียนมาร์ รายงานว่า เมียนมาร์ได้นำเข้าสินค้ามูลค่ามากกว่า 16,000 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2557/2558 และส่งออกสินค้ามูลค่า 11,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้เมียนมาร์ขาดดุลการค้ามากกว่า 4.9 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงพาณิชย์เมียนมาร์ กล่าวว่า การขาดดุลการค้าในปีที่แล้วอยู่ที่ 2.6 พันล้านดอลลาร์

เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงพาณิชย์รายนี้ กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะลดการนำเข้า เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วและมาตรฐานคุณภาพชีวิตของชาวเมียนมาร์ก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้สินค้าทุน เช่น วัตถุดิบการก่อสร้างสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐาน คิดเป็นประมาณ 40% ของการนำเข้า ขณะที่พลังงาน คิดเป็น 30% และสินค้าอุปโภคบริโภค คิดเป็น 20%

โกลบอล นิว ไลท์ ออฟ เมียนมาร์ รายงานว่า รัฐบาลเมียนมาร์ได้พยายามลดช่องว่างการขาดดุลการค้า โดยจะใช้จ่ายงบ 900 ล้านดอลลาร์ในช่วง 5 ปีข้างหน้า เพื่อเพิ่มความสามารถการส่งออกของบริษัทท้องถิ่น

เครดิตภาพจาก http://www.gcpr.net/