อ็อกแฟมชี้อาเซียนต้องช่วยชาวไร่ชาวนา


อ็อกแฟม (Oxfam) ชี้รัฐบาลในอาเซียนต้องช่วยชาวไร่ชาวนาหาหนทางที่ดีกว่าในการปลูกอาหาร ท่ามกลางภัยพิบัติที่เป็นภัยคุกคามต่อผลผลิตเกษตรกรรมในภูมิภาค

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า อ็อกแฟม องค์กรพัฒนาเอกชนชั้นนำของโลก กล่าวว่า ภาวะแห้งแล้ง, พายุและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นเป็นภัยคุกคามต่อผลผลิตเกษตรกรรมในภูมิภาค โดยในขณะที่อาเซียนจะรวมกลุ่มเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งจะอนุญาตให้มีการไหลเวียนของสินค้า, แรงงานและทุนอย่างเสรีมากขึ้น รัฐบาลในอาเซียนต้องช่วยชาวไร่ชาวนาในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) และปฏิบัติแนวทางเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้และทำให้แน่ใจว่ามีความมั่นคงทางอาหาร

อ็อกแฟม กล่าวในรายงานนโยบายว่า ในการเพิ่มการปฏิบัติแนวทางเกษตรกรรมอย่างยั่งยืนทั่วภูมิภาค อาเซียนต้องช่วยจัดหาอาหารให้ประชาชนและสนับสนุนชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ผลิตอาหารในสเกลขนาดเล็ก และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ในปี 2553 ภาคเกษตรกรรมคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของจีดีพีในประเทศเมียนมาร์, ลาว และกัมพูชา และจ้างแรงงานมากกว่า 60% ของแรงงานในกัมพูชา, ครึ่งหนึ่งของแรงงานในเวียดนาม และมากกว่า 1 ใน 3 ของแรงงานในประเทศไทย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

อ็อกแฟม อ้างอิงในรายงานนี้และกล่าวว่า ปริมาณน้ำฝนในกัมพูชา, ลาว, ไทย, เมียนมาร์ และเวียดนาม อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2552 ทำให้เกิดภัยแล้ง, ผลผลิตที่ลดลง และการระบาดของศัตรูพืชและโรคร้าย

อ็อกแฟม กล่าวว่า ระบบการเพิ่มผลผลิตข้าว (System of Rice Intensification)  ซึ่งเป็นแนวทางที่โฟกัสในเรื่องการบริหารพืช, พื้นดิน, น้ำ และสารอาหารเพื่อทำให้การเก็บเกี่ยวมีประสิทธิภาพสูงสุด กำลังได้รับความนิยมในหลายประเทศและควรต้องมีการขยายระบบนี้ต่อไป

Riza Bernabe ผู้ประสานงานนโยบายของแคมเปญ Grow ของอ๊อกแฟมในเอเชีย กล่าวว่า อาเซียนสามารถที่จะช่วยชาวนาชาวไร่และชาวประมงในสเกลเล็กให้มีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยสร้างแนวปฏิบัติทางเกษตรกรรมที่ยั่งยืนทั่วภูมิภาคในสเกลที่กว้างขึ้น

เครดิตภาพจาก www.ibtimes.co.uk