รู้หรือเปล่า ? “Casio” เริ่มมาจากที่คีบบุหรี่


Tadao kashio ผู้ก่อตั้งบริษัท  Casio บริษัทผู้ผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ของญี่ปุ่น Casio มีชื่อเสียงด้านการผลิตเครื่องคิดเลขเครื่องเสียง กล้องถ่ายรูปเครื่องดนตรี และนาฬิกาข้อมือ

แม้ Tadao kashio จะเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทแต่เมื่อแรกเริ่มงานในบริษัทของเขา เขาเป็นเพียงวิศวกรประกอบซึ่งคาดหวังว่าอยากหาเวลาพักผ่อนยาวๆ สำหรับตัวเขาเอง ซึ่งการหาเวลาพักผ่อนสำหรับ เขานั้นไม่มีใครเหมือน เพราะ Tadao Kashio ได้ใช้เวลาว่างในการพักผ่อนทำการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเขาเองขึ้นมาอยู่เสมอ

แม้บริษัทดังอย่าง Casio ซึ่งเป็นบริษัทที่เรารู้จักกันในเรื่องของนาฬิกา เครื่องคิดเลขและอิเลคทรอนิคส์ทั่ว ๆ ไปที่มีชื่อเสียง แต่อุปกรณ์ชิ้นแรกที่ Tadao Kashio นั้นคิดขึ้นมาไม่ใช่นาฬิกา หรือเครื่องคิดเลข แต่เป็นเครื่องที่ชื่อว่า Yubiwa Pipe โดยเครื่อง Yubiwa Pipe ถูกสร้างมาเพื่อคีบบุหรี่ ให้ผู้สูบบุหรี่สามารถสูบบุหรี่จนถึงก้นกรอง โดยที่ไม่ต้องใช้มือจับ เครื่อง Yubiwa Pipe ที่ Tadao Kashio คิดค้นนั้นทำให้คนที่จะสูบบุหรี่ สามารถสูบบุหรี่โดยที่มือทั้งสองข้างยังคงสามารถใช้งานได้ปกติ ไม่ต้องมาเสียเวลาในการจับตัวบุหรี่ถือว่าเป็นการลดเวลาที่เสียไปโดยเปล่าประโยชน์มาก

คงจะเห็นว่า Kashio เป็นนักประดิษฐ์ผู้สร้างสรรค์ เขาจึงมักจะค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ให้กับผลิตภัณฑ์ของเขาเสมอ และแล้วที่งานแสดงสินค้าที่ เมือง Ginza ประเทศญี่ปุ่นในปี 1949 เขาก็คิดค้นสินค้าใหม่นั่นคือ เครื่องคิดเลข ซึ่งมียอดขายตาม yubiwa pipe มาติดๆ

และอีกไม่นานนัก Casio ก็เปิดตัวเครื่องคิดเลขสายพันธุ์ใหม่ในปี 1954 ซึ่งเป็นเครื่องคิดเลขแบบแรกที่ใช้ ขดลวด solenoids และยังมีแป้นพิมพ์ของตัวเลข 10 หลัก และมีหน้าจอเดียวเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่มีถึงสามหน้าจอ

ในปี 1957 Casio ก็ได้เปิดตัวเครื่องคิดเลขรุ่น Model 14-A ซึ่งเป็นเครื่องคิดเลขอิเลคทรอนิคส์สมบูรณ์แบบเครื่องแรกที่ใช้เทคโนโลยี relay และในปีเดียวกันนั้นเองยังเป็นปีที่บริษัท Casio Computer ได้รับการก่อตั้งขึ้น

และในปี 1974 บริษัท  Casio ได้โชว์ผลงานนาฬิกาข้อมือดิจิตอลรุ่นแรกออกสู่ตลาด พร้อมกับชูความเชื่อมั่นว่า “บริษัท Casio จะมุ่งพัฒนานาฬิกาให้กลายเป็นผู้นำของตลาดนี้ให้ได้”

สำหรับการประดิษฐ์สุดประทับใจและน่าจดจำเป็นที่สุดของ Casio คงหนีไม่พ้น “นาฬิกาเครื่องคิดเลขแบบข้อมือ” ที่ทางบริษัท Casio ช่างคิดและสร้างกลยุทธ์ที่แตกต่างได้อย่างโดดเด่นที่สุด โดยลักษณะเดิมของนาฬิกานั้นยังคงบอกเวลาอยู่ แต่มีเพิ่มเป็นแป้นพิมพ์ขนาดเล็กคล้าย ๆ กับเครื่องคิดเลขย่อส่วนมาอยู่ที่ข้อมือของเรา ทำให้เหมือนว่าเรามีเครื่องคิดเลขติดตัวไปไหนมาไหนตลอด เป็นประโยชน์มากสำหรับนักช้อปที่อยากจะคิดคำนวณราคาสินค้าหรือ อาจารย์สอนวิชาเลขที่ก็สามารถคิดคำตอบหรือสอนนักเรียนได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น

นอกจากนาฬิกา เครื่องคิดเลขแล้ว Casio ยังพัฒนานาฬิกาข้อมือไปอีกระดับด้วยการสร้างสรรค์ นาฬิกาข้อมือที่สามารถให้ข้อมูลที่น่าสนใจหลายประการให้กับผู้เป็นเจ้าของ เช่น บอกเวลาที่แตกต่างกันของแต่ละ time zone บอกสภาพอากาศ อุณหภูมิ และความดัน นักปีนเขาก็มักจะชอบรุ่นที่สามารถบอกระดับความสูงได้ ในขณะที่ผู้ผลิตนาฬิการายอื่นยังคงนำเสนอรายละเอียดของนาฬิกาข้อมือในแบบ เดิมๆ Casio ก็ยังคงนำเสนอรูปแบบของนาฬิกาที่หลากหลายพร้อมการใช้งานที่น่าสนใจใน รูปแบบนาฬิกาข้อมือแบบดั้งเดิม ทำให้นาฬิกาข้อมือของ Casio ทิ้งห่างจากคู่แข่งแบบลอยลำ  “ด้วยกลยุทธ์การพัฒนาเทคโนโลยีให้กับผลิตภัณฑ์ของตนอยู่ตลอด”  และนี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างของสินค้าทั่ว ๆ ไป ที่ดูคล้ายกัน แต่ทดแทนกันไม่ได้

ซึ่งความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่คงต้องพูดถึงนั่นคือในปี 1983 Casio ได้ผลิตนาฬิกาที่มีความทนทานต่อแรงกระแทรกได้เป็นอย่างดี ฉีกกรอบเดิม ๆ ของนาฬิกาข้อมือในสมัยนั้นที่ส่วนมากหลาย ๆ แบรนด์จะทำออกมาให้ดูบอบบาง, นิยมไว้ใส่แทนเครื่องประดับและแน่นอนว่าจำเป็นต้องดูแลรักษากันเป็นพิเศษหน่อย แต่นาฬิกาของ Casio รุ่น G-Shock เป็นนาฬิกาทางเลือกที่แหวกแนวออกมาตอบโจทย์ของคนลุย ๆ เพราะตัวนาฬิกาออกแบบมากับชั้นป้องกันและกลไกต่าง ๆ ภายในนาฬิกาถึง 3 ชั้น และมาพร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย ส่งให้อันดับความนิยมของนาฬิการุ่น G-Shock มียอดขายสูงเรื่อยมาจนถึงช่วงปี 1990 และก็ยังได้รับการพัฒนาทางเทคโนโลยีต่าง ๆ อย่างเช่นการคิดค้นและเชื่อมโยงอุปกรณ์รับสัญญาณคลื่นวิทยุเข้ากับกลไกของนาฬิกาเพื่อให้นาฬิกาสามารถบอกเวลาได้อย่างเที่ยงตรงในทุก ๆ สถานที่ จนกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ชี้ความเป็นแบรนด์ นักประดิษฐ์ Casio  ได้เป็นอย่างดี

จะเห็นได้ว่าเป็นกลยุทธ์ที่อาศัยความต่างจนโดดเด่นที่สุดแบรนด์หนึ่งเลยก็ว่าได้ จากเครื่องมือช่วยในการสูบบุหรี่ Yubiwa Pipe กลายมาเป็นบริษัทที่ผลิตนาฬิกาที่ได้รับความรู้จักและเป็นแนวหน้าตลาดนาฬิกาที่รู้จักกันทั่วโลก “ด้วยกลยุทธ์การพัฒนาเทคโนโลยีให้กับผลิตภัณฑ์ของตนอยู่ตลอด”