รัฐจัดหนักงบบูรณาการ 3.4 พันล้าน ทุ่มพัฒนาเอสเอ็มอี


เผยภาครัฐอัดงบบูรณาการปี 60 กว่า 3,487 ล้านบาท ให้ 19 หน่วยงาน ผ่าน 81โครงการ เข้าพัฒนาช่วยเหลือเอสเอ็มอี ระบุ สสว.ได้รับจัดสรรจำนวน 1,226 ล้านบาท  ผ่าน 3 ด้าน ได้แก่ บ่มเพาะรายใหม่  ส่งเสริมรายเดิมให้เติบโตมีนวัตกรรม และสร้างปัจจัยเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ แจงกองฟื้นฟู 3,000 ล้านบาท อนุมัติแล้ว 200 ราย วงเงิน 170 ล้านบาท  

นางสาลินี วังตาล ผู้อํานวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า แนวทางพัฒนาเอสเอ็มอีที่ชัดเจนของรัฐบาล ได้จัดสรรงบประมาณปี 2560 ให้ 19 หน่วยงานที่มีหน้าที่ในการส่งเสริมเอสเอ็มอี ร่วมบูรณาการงบช่วยเหลือสนับสนุนเอสเอ็มอี รวม 3,487 ล้านบาท ผ่าน 81โครงการ  ซึ่งถือว่างบประมาณดังกล่าว เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ซึ่งมีจำนวน 1,526 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากงบรวม 3,487 ล้านบาท ในส่วนของ สสว.ได้รับงบประมาณในส่วนมาพัฒนาเอสเอ็มอี จำนวน 1,226 ล้านบาท   ดำเนินพัฒนาผ่าน 3 ด้าน ประกอบด้วย  1. บ่มเพาะ SMEs รายใหม่ทั้งภาคเกษตรและอื่น ๆ งบประมาณ 149 ล้านบาท จะทำร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2560  2. ส่งเสริม SMEs ที่ประกอบการกิจการอยู่เดิมให้เติบโตและมีนวัตกรรม เพื่อให้สินค้าและบริการเป็นที่ต้องการของตลาดงบประมาณ 584 ล้านบาท มีโครงการสำคัญเช่น โครงการสุดยอด SMEs จังหวัด (SME Provincial Champions) โครงการ  SME Strong & Regular level การนำผู้ประกอบการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ ฯลฯ และ 3. สร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ (Ecosystem) งบประมาณ 493 ล้านบาท เช่น ระบบฐานข้อมูล จัดตั้งศูนย์ให้บริการ SME ครบวงจร (One-stop Service Center: OSS)

นอกจากนี้ สำหรับ SMEs ที่กิจการได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ สสว. ยังมีกองทุนช่วยเหลือทางการเงินให้ฟื้นฟูธุรกิจ  วงเงินรวม 3,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน นับถึงวันที่ 3 ก.พ. 2560 กองทุนได้อนุมัติเงินกู้ได้แล้ว 200 ราย วงเงิน 160-170 ล้านบาท เฉลี่ยรายละ 0.86 ล้านบาท

“มาตรการพัฒนาและช่วยเหลือเอสเอ็มอีต่างๆ ที่ออกมา บ่งบอกได้ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญและตั้งใจจริงในการช่วยเหลือเอสเอ็มอี  ดังนั้น สิ่งสำคัญขอให้เอสเอ็มอีที่สนใจติดตามสอบถามขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้ง สสว.ได้  ซึ่งยืนยันว่า เอสเอ็มอีที่เข้าร่วมโครงการ ต้องได้รับประโยชน์แน่นอนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง” ผอ.สสว. กล่าว