สตาร์ทอัพ 101: “S-Curve” รูปแบบการเติบโตของ Startup


หลังจากที่เราได้รู้แล้วว่า “สตาร์ทอัพคืออะไร” และทราบถึง “ความแตกต่างของเอสเอ็มอีกับสตาร์ทอัพ” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  เรื่องของธุรกิจแน่นอนว่าจะต้องมีเรื่องของการเจริญเติบโตเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะถ้าธุรกิจไหนไม่มีการเติบโตนั่นแสดงว่าธุรกิจนั้นอาจจะไม่เหมาะที่จะทำการลงทุนเพิ่มหรือดำเนินธุรกิจต่อไป สำหรับ สตาร์ทอัพ จะมีรูปแบบการเติบโตในรูปของ S-Curve

อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าธุรกิจ SME จะมีการเติบโตในแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะรูปแบบของการลงทุนและขยายสาขาต้องใช้กำลังเงินและกำลังคนในจำนวนที่มากขึ้นเรื่อยๆ หากนำรูปแบบการเติบโตของธุรกิจไปวาดเป็นกราฟก็จะพบว่าจะได้กราฟที่เป็นเส้นตรงหรือเรียกว่าเป็นการเติบโตแบบ Linear นั่นเอง

สตาร์ทอัพ ต้อง S-Curve เท่านั้น

ส่วน Startup จะมีรูปแบบของการเติบโตแบบช้า ช่วงแรกก่อนที่จะไปเติบโตแบบก้าวกระโดดในตอนท้าย ซึ่งก็ตรงกับรูปแบบการเติบโตของ Startup อย่างที่เราทราบกันไปแล้วว่าจะต้องเป็นธุรกิจที่ทำซ้ำได้ง่ายและเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ดังกราฟที่แสดงการเติบโตแสดงออกมาอยู่ในรูปของ S-Curve นั่นเอง หากพิจารณากราฟรูปแบบนี้จะพบว่า สตาร์ทอัพจะมีช่วงแรกของธุรกิจอยู่ในเรื่องของการวิจัยและพัฒนาหรือ R&D ด้วยกันทั้งสิ้น เมื่อขั้นตอนการพัฒนาผลิตภัณฑ์เสร็จแล้วก็จะเริ่มมีการนำเข้าสู่ตลาด ตรงช่วงนี้เองที่พบว่าเส้นกราฟจะเริ่มเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว และเมื่อติดลมบนก็จะเกิดการเติบโตแบบก้าวกระโดด

แต่ก็พบว่ามีสตาร์ทอัพจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถพัฒนาตัวเองให้หลุดพ้นจากช่วงแรกของการทำ R&D ได้ ทำให้ต้องล้มหายตายจากไปก็ไม่น้อย ซึ่งในวงการสตาร์ทอัพก็มีศัพท์เฉพาะที่ใช้เรียกช่วงเวลานี้ว่า Valley of death แต่ถ้าสามารถฮึดสู้จนผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ก็จะทำให้เกิดการเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ เอาใจช่วยสตาร์ทอัพทุกท่านให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปกันให้ได้ เราเอาใจช่วย

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับ สตาร์ทอัพ

ขอบคุณข้อมูลจาก คลิปวิดีโอชุด Startup 101 จาก Startup Thailand แพลตฟอร์มการสนับสนุนวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup)