จากการสัมภาษณ์พิเศษ คุณวรวุฒิ สายบัว กรรมการผู้จัดการบริษัท บิวตี้นิสต้า จำกัด ผู้ให้บริการค้าปลีก เครื่องสำอาง ออนไลน์ผ่านทาง
beautynista.com เว็บค้าปลีกเครื่องสำอางชั้นนำที่การรันตีความปลอดภัยของเครื่องสำอางที่ขายในเว็บ และเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการเครื่องสำอางไทย ถึงกรณีเครื่องสำอางไทยเสี่ยงวิกฤติฟองสบู่แตก คุณวรวุฒิก็ได้ให้รายละเอียดกับ Smart SME ดังนี้
จริงๆวิกฤติฟองสบู่แตกมีมานานแล้วตั้งแต่สมัยต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 นั้นคือวิกฤติที่กระทบภาพรวมเศรษฐกิจทั้งประเทศ แต่หากพูดกันในฟองสบู่ธุรกิจเครื่องสำอาง ก็ต้องอธิบายว่าการเกิดขึ้นของธุรกิจเครื่องสำอางในบ้านเรามันง่ายกว่าในอดีตมาก คนทุนน้อยก็สามารถเป็นเจ้าของแบรนด์ได้โดยไม่ต้องมีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจ ทำให้การควบคุมคุณภาพของแบรนด์ค่อนข้างต่ำ จนในที่สุดก็เกิดตลาดทะเลเดือด (Red Ocean) หรือการแข่งขันสูงในขณะที่ผู้แข่งขันมีศักยภาพต่ำ ทำให้ผู้ประกอบการที่มาชิมลางธุรกิจนี้ล้มหายตายจากไปค่อนข้างมากถึงขั้นที่ว่าเกิดมา 100 แต่ตายไป 98
ธุรกิจเครื่องสำอางเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงแต่เปราะบาง
ฟองสบู่ของธุรกิจเครื่องสำอางเกิดได้ง่ายเนื่องจากมีความเปราะบางสูง ซึ่งปัจจุบันฟองตัวนี้มันเริ่มใหญ่ขึ้นและเร็วขึ้น โดยเฉพาะการเติบโตที่สูงถึง 8% ในทุกปี มีมูลค่ารวมตลาดราว 5-6 แสนล้านบาท แบ่งเป็นในประเทศ 3 แสนล้านบาทและส่งออกอีก 2-3 ล้านบาท ทั้งมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่องไม่มีตก เพราะไม่ว่า GDP ในประเทศจะตกยังไง แต่ธุรกิจเครื่องสำอางก็ยังเติบโตสวนทางอยู่ตลอด โดยคาดว่าปี 2561 จะเติบโตต่อเนื่องอีก 8-10% เนื่องจากตลาดออนไลน์ที่มาแชร์สัดส่วนมีเพียง 2% เท่านั้น นั่นจึงแสดงให้เห็นว่าตลาดเครื่องสำอางสามารถไปได้อีกไกล แต่คนที่จะอยู่รอดในธุรกิจนี้ได้คือคนที่มีความรู้ความเข้าใจ รู้เทรนด์ของตลาดและที่สำคัญคือมีสายป่านยาว
จริงๆแล้วมองว่าธุรกิจเครื่องสำอางเริ่มฟองสบู่แตกตั้งแต่ปี 2558-2559 เนื่องจากช่วงนั้นมีข่าวผู้บริโภคได้รับอันตรายจากเครื่องสำอางและอาหารเสริมเป็นจำนวนมาก ทำให้หลายฟองก็ได้แตกไปแล้วในช่วงนั้น แต่ฟองที่อยู่รอดได้คือแบรนด์ใหญ่ๆ อย่างปี 2560 ที่ผ่านมาก็เกือบจะแตก แต่ยังดีที่หน่วยงานรัฐมองเห็นและเข้ามาช่วยเหลือด้านต่างๆ จนสามารถควบคุมได้ในระดับหนึ่ง ส่วนปัจจัยที่ก่อให้เกิดวิกฤติมีฟองสบู่คือ
ด้านของแบรนด์: มีแบรนด์ที่มีมาตรฐานต่ำและมีผู้ทำธุรกิจเครื่องสำอางโดยไม่มีความรู้ความเข้าใจมากเกินไป เจ้าของแบรนด์ทำธุรกิจไม่โปร่งใส ด้วยการใช้ส่วนผสมที่เห็นผลเร็วแต่เป็นผลเสียต่อผู้บริโภค บางรายขายจนได้เงินแล้วก็นำไปเปิดแบรนด์ใหม่ ทำให้ผู้บริโภคต้องอยู่ในวังวนเดิมๆ
ด้านผู้ผลิต: โรงงานรับผลิตทำการตัดราคากัน มีกลไกการตลาดที่ไม่สมเหตุสมผล ทำให้คนทำแบรนด์ได้สินค้าที่ไม่มีคุณภาพอย่างแท้จริง
ด้านผู้บริโภค: เราอยู่ในยุคที่ซื้อของทางเน็ต เราจึงไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอะไรดีหรือไม่ดีจริง บวกกับในอินเตอร์เน็ตไม่มีการคัดกรองสินค้าก่อนนำมาขาย ทำให้ผู้บริโภคอาจใช้แล้วเป็นอันตราย จนกลายเป็นการไม่เชื่อมั่นในสินค้าไทย สิ่งนี้จึงทำให้แบรนด์เครื่องสำอางของ SMEs ไปต่อยาก
จรรยาบรรณและความรู้คือทางรอดของการเกิดฟองสบู่ธุรกิจเครื่องสำอาง
จากแรงเหวี่ยงที่เกิดขึ้นนี้ จึงอยากให้โรงงานผู้ผลิตมีจรรยาบรรณในการผลิตสินค้า เจ้าของแบรนด์ก็ต้องมีจรรยาบรรณและมีองค์ความรู้ในการทำธุรกิจเครื่องสำอาง เพื่อไม่ถูกโรงงานผลิตหลอกและไปต่อได้ในระยะยาว ส่วนผู้บริโภคก็ต้องรู้จักเลือกซื้อซึ่งดูได้จากองค์ประกอบต่างๆ เช่น ใครเป็นผู้ผลิต โรงงานนี้ได้มาตรฐานมั้ย มีการการันตีว่าไม่มีสารปนเปื้อนรึปล่าว มีเครื่องหมายมาตรฐานอะไรบ้าง ไม่ใช่ดูแค่เรื่องราคาหรือพรีเซนเตอร์เท่านั้น ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐฯที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางก็ต้องมาช่วยสร้างมาตรฐาน ซึ่งปัจจุบันก็มี centrallabthai.com หรือแล็บประชารัฐ ที่จะช่วยตรวจวัดสารปนเปื้อนให้ผู้ประกอบการได้เกิดความเชื่อมั่นกับโรงงานที่ไปผลิตด้วย แม้กระทั่งฝั่งโรงงานเอง ก็สามารถนำผลิตภัณฑ์ความงามและอาหารเสริมต่างๆไปตรวจได้ เพื่อการันตีให้กับลูกค้าที่จะมาผลิตกับเรา ซึ่งก็จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมเครื่องสำอางได้
นอกจากนั้นอยากให้ภาครัฐมาให้ความรู้ผู้ประกอบการและนำเงินภาษีมาสนับสนุนผู้ประกอบการด้านนี้มากขึ้น โดยผ่านหน่วยงานรัฐที่เป็นมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) ฯลฯ โดยหน่วยงานต่างๆต้องทำงานร้อยเรียงกัน ให้เกิดการเติมเต็มความรู้และต่อยอดเงินทุนให้ผู้ประกอบการมากที่สุด
เกี่ยวกับ: วรวุฒิ สายบัว
วรวุฒิ สายบัว ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัท บิวตี้นิสต้า จำกัด และเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์นิสต้า ดิจิตอลแบรนด์เอเจนซี่ที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น และการสร้างแบรนด์ผ่านโซเชียลมีเดียให้กับลูกค้าชั้นนำมากมาย เช่น ช่อง 9 อสมท. ไทย- เดนมาร์ค ธนาคารทหารไทย ธนาคารธนชาติ และอีกกว่า 100 แบรนด์ทั้งในและต่างชาติ
Beautynista.com ได้รับการการันตีมาตรฐานการจำหน่ายสินค้าและการให้บริการ ด้วย 3 รางวัลคุณภาพจากหน่วยงานรัฐว่าเป็น #เว็บไซต์เครื่องสำอางออนไลน์ที่น่าเชื่อถืออันดับต้นๆ ของประเทศไทย คือ
1. รางวัล SME Startup Awards 2017 จาก สสว. กระทรวงอุตสาหกรรม
2. รางวัล Best eCommerce Website Award 2017 จาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
3. รางวัล Best eCommerce People’s Choice Award – สาขา Fan Favorites in Health & Beauty / Fashion จาก สพธอ. กระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม