สสว. ผนึกกำลัง 19 หน่วยงาน ชูกลยุทธ์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือสร้างนักรบเศรษฐกิจใหม่ ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด พร้อมขยายกลุ่มเป้าหมายสู่เอสเอ็มอีรายย่อยและวิสาหกิจชุมชนภาคเกษตร ปูพรมยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันแก่เอสเอ็มอีกลุ่มเติบโต ตั้งเป้าพัฒนาผู้ประกอบการไม่ต่ำกว่า 6,000 ราย สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 2 พันล้านบาท
นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สสว. ได้เริ่มดำเนินโครงการพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ (SME Start up) ในปี 2559 ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อปรับใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมเพื่อบ่มเพาะและพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และต่อยอดไปสู่กลุ่มเป้าหมายภาคการเกษตรในปี2560 ซึ่งมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการและผ่านการอบรมเบื้องต้นจำนวน 23,618 ราย สามารถสร้างผู้ประกอบการใหม่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวน 6,101 ราย
ร่วมกับพันธมิตร ดัน SMEs ก้าวสู่ตลาดระดับสากล
โดยในปี 2561 สสว.ได้ปรับแนวทางพัฒนาผู้ประกอบการให้สามารถเริ่มต้นธุรกิจและเติบโตต่อไปได้อย่างก้าวกระโดดหรือพร้อมก้าวสู่ตลาดระดับสากล (Born Strong / Born to Global) โดยเน้นใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อน ภายใต้ความร่วมมือกับ 10 หน่วยงานได้แก่ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตนครสวรรค์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) และกรมประมง
เน้นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมกลุ่ม High Value
เน้น SMEs กลุ่มอุตสาหกรรมกลุ่ม High Value เช่น ด้านเกษตรและอาหารแปรรูป (Agriculture and Food) ด้านเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ (Health and Wellness) ด้านธุรกิจสร้างสรรค์วัฒนธรรม และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (Creative and Cultural + High Value Service) ด้านการศึกษาและสำรวจการใช้อุปกรณ์อัจฉริยะ (Smart Device) และด้าน Digital – Internet of Things (IOT) พร้อมเชื่อมโยงกลุ่มประกอบการวิสาหกิจรายย่อย วิสาหกิจชุมชนระดับฐานรากซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคการเกษตร โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือพัฒนาโมเดลการทำเกษตรรูปแบบใหม่ พร้อมยกระดับจากภาคการผลิตไปสู่เกษตรแปรรูปมีคุณภาพมาตรฐานสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาด โดยตั้งเป้าว่าจะมีสมัครเข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 10,000 ราย สามารถบ่มเพาะและพัฒนาให้เป็นผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีศักยภาพได้ไม่น้อยกว่า 3,000 ราย
โครงการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการระดับเติบโต (SME Strong/Regular Level) สสว. มีหน่วยงานร่วมดำเนินการจากโครงการพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ 1 หน่วยงาน คือ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และอีก 9 หน่วยงานร่วมดำเนินโครงการได้แก่ สถาบันอาหาร สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมาคมสำนักงานบัญชีไทย และบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
เน้นกลุ่มเป้าหมายในอุตสาหกรรมที่เร่งการเติบโตให้แก่ GDP ประเทศ เช่น กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม กลุ่มอาหาร กลุ่มเกษตรและเกษตรแปรรูป กลุ่มสิ่งทอ แฟชั่นไลฟ์สไตล์ กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มอุตสาหกรรม S-curve ซึ่งแนวทางสำคัญในปีนี้ นอกเหนือจากการลดต้นทุนในการประกอบธุรกิจ จะมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับสินค้าและบริการ โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้สามารถผ่านการรับรองมาตรฐานจากสถาบันต่าง ๆ ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล อาทิ อย. ISO HACCP GMP เป็นต้น คาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันได้ไม่น้อยกว่า 3,000 ราย สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้ไม่น้อยกว่า 2 พันล้านบาท นายสุวรรณชัย กล่าว
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ สามารถติดตามข่าวสารได้ทาง www.sme.go.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-298-3282 และ 02-298-3047 หรือ สสว.Call Center 1301 SME Start up สามารถสมัครได้ที่ www.smetracking.com/startup2561