Uber เผยผลการสอบสวนเรื่องรถไร้คนขับชนคนตาย ว่าเกิดจากข้อผิดพลาดของมนุษย์


ความประมาทของผู้ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยในรถที่ขับด้วยตัวเองของ Uber นำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงที่แทบจะทำให้อนาคตของ self-driving car ดับลงในปี 2018 ผลของการสืบสวนเรื่องนี้ได้ข้อสรุปแล้ว

คณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ NTSB ใช้เวลาเกือบ 2 ปีในการตรวจสอบเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่รถขับเคลื่อนด้วยตัวเองของ Uber ชนคนตาย

ผู้เสียชีวิตคือ Elaine Herzberg อายุ 49 ปี ถูกรถที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองของ Uber ชนตาย ขณะที่รถกำลังทำงานอยู่ในโหมดขับเคลื่อนด้วยตัวเอง โดยเธอถูกชนขณะทำการข้ามถนนในรัฐแอริโซนา เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2018 จากข้อมูลการสอบสวนพบว่า Herzberg ข้ามถนนในตำแหน่งที่ไม่ปลอดภัย และมีการทานยานที่อาจทำให้การตัดสินใจของเธอแย่ลง แต่นี่ไม่ได้เป็นการระบุว่าเป็นความผิดของการคนที่ทำการข้ามถนน แต่เป็นการบอกว่านี่เป็นเหตุที่ไม่คาดคิดที่อาจจะเกิดขึ้นได้เท่านั้น

ด้านเจ้าหน้าที่ผู้ขับขี่ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย ต่างหากที่มีพฤติกรรมที่ขัดต่อระเบียบของการขับรถ เพราะเขาทำการนั่งดูทีวีขณะที่ปล่อยให้รถขับด้วยตัวเอง ทั้งๆ ที่ในการทดลองรถยนต์แบบนี้ Uber ได้สั่งให้ผู้ขับขี่ที่เป็นมนุษย์ต้องให้ความสนใจในการขับขี่ตลอดเวลาแม้ไม่ได้ทำการขับขี่เอง เพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าควบคุมสถานการณ์ที่ยากลำบากหรือเมื่อยานพาหนะพบกับสถานการณ์ที่ไม่ทราบวิธีจัดการ นี่ก็เป็นความประมาทของคนไปเต็มๆ

จากข้อมูลของรถพบว่าอุปกรณ์ของรถมีการตรวจพบ Herzberg ก่อนที่จะถูกชนถึง 5.6 วินาที แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นคน หากเจ้าหน้าที่ในรถทำตามกฎระเบียบ มันจะมีเวลาเพียงพอที่จะทำการหักหลบหรือหยุดรถที่จะพุ่งเข้าชนคนได้

อย่างไรก็ตาม NTSB กล่าวว่า Uber มี “วัฒนธรรมความปลอดภัยที่ไม่เพียงพอ โดยการขาดกลไกการประเมินความเสี่ยง และการจัดการด้านความปลอดภัย”

ทาง Uber ออกมากล่าวว่า รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อความผิดพลาดในเดือนมีนาคม 2018 ซึ่งส่งผลให้เกิดการสูญเสียชีวิตของ Elaine Herzberg แต่เรายังคงมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงความปลอดภัยของโปรแกรมการขับขี่ด้วยตนเอง ในช่วง 20 เดือนที่ผ่านมาทาง NTSB เข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีของบริษัท เพื่อร่วมพัฒนาไปพร้อมกัน บริษัทจะทำการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้สูงที่สุด

อ้างอิง: