AI ช่วยประหยัดต้นทุนได้อย่างมากในอุตสาหกรรมการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน


อุตสาหกรรมการผลิตและห่วงโซ่อุปทานแสดงให้เห็นว่า การนำเอาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เข้ามาช่วยสามารถประหยัดต้นทุนได้อย่างมากมาย

ผลการสำรวจล่าสุดโดย McKinsey ที่ทำกับบริษัทหลายร้อยราย เกี่ยวกับประโยชน์ที่บริษัทเหล่านั้นได้รับจากการนำเอา AI เข้ามาใช้งาน พบว่าในอุตสาหกรรมการผลิตมีมากถึง 64% ที่เห็นผลในการลดต้นทุน และ 61% ของบริษัทด้านห่วงโซ่อุปทานที่ตอบว่า AI ช่วยลดต้นทุนได้จริง

การผลิตและการจัดการห่วงโซ่อุปทานเป็นการดำเนินงานที่ซับซ้อนซึ่งมักนำไปสู่การสูญเสีย แต่เมื่อมีการนำเอา AI เข้ามาเรียนรู้ความซับซ้อนเหล่านั้น มันสามารถเพิ่มผลประโยชน์ที่สำคัญได้ AI สามารถเพิ่มประสิทธิภาพขั้นตอนต่าง ๆ ของห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่การจัดการคลังสินค้าไปจนถึงความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์

ตัวอย่างหนึ่งคือ Procter & Gamble ใช้เทคโนโลยี AI และ Internet of Things (IoT) เพื่อสร้างคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าโดยอัตโนมัติ P&G สามารถส่งมอบอัตโนมัติได้ประมาณ 7,000 SKUs และลดค่าใช้จ่ายในห่วงโซ่อุปทานประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

การใช้ AI และ IoT ในการตั้งค่าการผลิตหรือที่เรียกว่า “อุตสาหกรรม 4.0” การบำรุงรักษาแบบ Predictive เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่นำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพ ความสามารถในการตรวจสอบเครื่องจักรและส่งผ่านข้อมูลนี้ไปทำการปรับปรุงล่วงหน้า สามารถลดการหยุดทำงานของอุปกรณ์และเพิ่มผลผลิตสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต การปรับปรุงสถานะการออนไลน์สำหรับเครื่องจักรเป็นเป้าหมายที่พบบ่อยที่สุดของการบำรุงรักษาแบบคาดการณ์ล่วงหน้า

รายงานแสดงให้เห็นว่าการประหยัดในห่วงโซ่อุปทานเป็นผลมาจากการวิเคราะห์การใช้จ่ายที่ดีขึ้นและการเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายที่ดีขึ้น ส่วนในอุตสาหกรรมการผลิตนั้นเป็นการประหยัดที่เกิดจากการปรับปรุงเรื่องพลังงานและปริมาณงาน

อ้างอิง: