ถ้าจะกล่าวว่า 4G ทำให้เกิดบริการอย่าง Uber และ Lyft ส่วนการมาถึงของ 5G นั้นจะทำให้เกิดบริการรถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ใช่แล้วมันทำให้สิ่งที่อยู่ในจินตนาการกลายเป็นจริงมากขึ้น รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองเป็นเพียงหนึ่งในศักยภาพมากมายของ 5G ซึ่งเป็นเครือข่ายไร้สายรุ่นต่อไปที่มีการเปิดตัวอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาและในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก
บริษัทต่าง ๆ กำลังแข่งขันเพื่อให้มีเครือข่าย 5G ที่เร็วที่สุดหรือใหญ่ที่สุด และประเทศต่าง ๆ กำลังแข่งขันกันเพื่อเป็นประเทศแรกที่ใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบทั่วประเทศ
แต่สำหรับลูกค้าอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ อาจจะต้องรอดูเรื่องของประโยชน์หลัก ๆ ที่ 5G สามารถทำให้เราได้ เพราะเรื่องนี้เป็นการเปิดการใช้งานเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างเมืองอัจฉริยะ, การผ่าตัดระยะไกล และโรงงานอัตโนมัติ
ความแตกต่างที่สำคัญ 3 ประการระหว่าง 4G และ 5G คือความเร็วที่เร็วขึ้นม แบนด์วิดท์ที่สูงขึ้น และ “latency” หรือเวลาหน่วงที่ต่ำลงในการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์และเซิร์ฟเวอร์ แต่สิ่งเหล่านี้จะต้องมีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่และมีการลงทุนเพิ่มขึ้นหลายพันล้านดอลลาร์ในแต่ละปี
ความเร็ว
ความเร็วเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่คาดหวังอย่างสูงที่สุดของเครือข่ายรุ่นต่อไป 5G ถูกคาดหวังว่าจะเร็วกว่า 4G เกือบ 100 เท่า ด้วยความเร็วเช่นนั้นคุณสามารถดาวน์โหลดภาพยนตร์ความยาว 2 ชั่วโมงเสร็จในเวลาน้อยกว่า 10 วินาที ซึ่งเป็นงานที่เคยใช้เวลาประมาณ 7 นาทีใน 4G .
ความเร็วเหล่านั้นเป็นไปได้เนื่องจากเครือข่าย 5G ส่วนใหญ่สร้างขึ้นบนคลื่นความถี่สูงพิเศษ ความถี่ที่สูงขึ้นสามารถส่งข้อมูลได้มากขึ้นและเร็วกว่า 4G มาก
แต่สัญญาณที่เดินทางด้วยคลื่นความถี่สูงนั้นไม่สามารถเดินทางได้ไกลและมีความยากลำบากในการผ่านกำแพงและพื้นผิวแข็งอื่น ๆ มันทำให้เกิดความไม่สะดวกมากเมื่อเราต้องทำงานแบบเคลื่อนย้ายระหว่างอาคารบ่อย ๆ
เพื่อชดเชยความท้าทายเหล่านี้ผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายที่สร้างเครือข่าย 5G กำลังติดตั้งเซลไซต์ขนาดเล็กจำนวนมาก ไปยังเสาไฟและผนังต่าง ๆ ด้วยเหตุผลดังกล่าวผู้ให้บริการจึงต้องทำการติดตั้งสถานีขนาดเล็กให้ครอบคลุมพื้นที่ของแต่ละเมือง
นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่อาคารหลายแห่งอาจจะต้องทำการติดตั้งเซลไซต์ 5G ของตนเองเพื่อให้แน่ใจว่าเครือข่ายทำงานได้ดีภายในอาคารของตน
แบนด์วิดท์
เราทุกคนมีประสบการณ์ในช่วงเวลาที่น่าผิดหวังเมื่อคุณอยู่ในพื้นที่ที่มีผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในคอนเสิร์ต, สนามกีฬา หรือสนามบินในช่วงฤดูการท่องเที่ยว คุณจะเจอกับความล่าช้าอย่างมากกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคุณ
จำนวนอุปกรณ์ที่มากเกินไปที่พยายามใช้เครือข่ายในที่เดียวอาจทำให้เกิดความคับคั่ง โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายไม่สามารถรับมือกับอุปกรณ์จำนวนมากนำไปสู่ความเร็วข้อมูลที่ช้าลงและเวลาล่าช้าในการดาวน์โหลด
5G คาดว่าจะแก้ปัญหานี้ได้ เครือข่ายรุ่นต่อไปคาดว่าจะมีแบนด์วิดท์มากกว่า 4G อย่างมีนัยสำคัญ นั่นจะหมายถึงการเชื่อมต่อที่ดีขึ้นสำหรับโทรศัพท์ของทุกคน มันจะทำให้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์จำนวนมากเข้ากับเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว
ผู้เชี่ยวชาญเปรียบเทียบเครือข่าย 5G กับทางด่วนที่ได้รับการปรับปรุงใหม่พร้อมช่องทางมากขึ้นสำหรับรถยนต์ องค์ประกอบของเรื่องนี้สามารถสร้างแบนด์วิดท์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับยุคของ IoT ที่กำลังมาถึงได้อย่างแท้จริง
เวลาหน่วงที่ต่ำลง
มันส่งผลสำคัญต่อความเร็วที่ใช้ในการที่อุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ ทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่กำลังให้บริการข้อมูล หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าเวลาที่ใช้ในการตอบสนองนั่นเอง แม้ว่าเวลาในการตอบสนองจะมีหน่วยเป็นมิลลิวินาที แต่มิลลิวินาทีเหล่านั้นทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นเมื่อมีการส่งและรับข้อมูลจำนวนมาก
5G จะทำให้ความหน่วงเหล่านี้เกือบจะเป็นศูนย์ นั่นจะเป็นการดีสำหรับนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่นการเล่นเกมระยะไกลแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้คนในส่วนต่าง ๆ ของโลกโดยใช้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สายเล่นเกมเดียวกันพร้อมกันได้อย่างไม่มีการสะดุด
นอกจากนี้มันยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเทคโนโลยีอย่างรถยนต์ที่ขับด้วยตนเอง ซึ่งจะต้องส่งสัญญาณเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมผ่านอินเทอร์เน็ตไปยังคอมพิวเตอร์ในระบบคลาวด์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์วิเคราะห์สถานการณ์และส่งสัญญาณกลับไปที่รถเพื่อบอกวิธีการตอบสนอง เพื่อความปลอดภัยของยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง การสื่อสารนั้นจะต้องเกิดขึ้นทันที
อ้างอิง: