จีนล็อกดาวน์เซินเจิ้น ฮับเทคโนโลยี หลังผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลับมาพุ่งสูงในรอบ 2 ปี


สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศจีนถูกจับตามองอีกครั้ง หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงถึง 3,400 คน ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปี จนล่าสุดมีมาตรการให้ประชาชนจำนวน 17.5 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในเซินเจิ้นทางตอนใต้ของจีนต้องล็อกดาวน์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจเทคโนโลยี เพราะเป็นฮับการผลิตที่สำคัญของประเทศ

จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า ทำให้รัฐบาลจีนต้องประกาศมาตรการควบคุม โดยจะมีมาตรการทดสอบครั้งใหญ่ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับประชาชนทั่วเมือง 3 รอบ และเมืองเซินเจิ้นซึ่งเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีจะถูกล็อกดาวน์ไปจนถึงวันที่ 20 มีนาคม ซึ่งรถประจำทาง และระบบรถไฟใต้ดินจะถูกปิดให้บริการทั้งหมด เช่นเดียวกับธุรกิจที่จะถูกปิดเช่นกัน

ด้านพนักงานถูกสั่งให้ทำงานแบบ work from home โดยผู้อยู่อาศัยจะถูกห้ามไม่ให้ออกจากเซินเจิ้น ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท Huawei และ Tencent รวมถึงเป็นหนึ่งในท่าเรือที่ผู้คนพล่านมากที่สุดของจีน มีการมองว่าปัจจัยที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นมีความเชื่อมโยงมาจากฮ่องกงที่อยู่ใกล้เคียงกัน จากปัจจุบันมีผู้ป่วยจำนวน 300,000 คน ที่ต้องแยกกักตัว หรือกักตัวอยู่ที่บ้าน

สำหรับเมืองเซินเจิ้น เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษมีประชากรราว 17 ล้านคน โดยเมื่อวันอาทิตย์ (13 มี.ค.65) พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 66 คน อย่างไรก็ตาม มาตรการล็อกดาวน์ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทด้านเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น Foxconn ผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้กับ Apple ที่ระงับการผลิตชั่วคราวจนกว่าจะมีมาตรการเปลี่ยนแปลง และจะไปใช้โรงงานในเมืองอื่น ๆ ทดแทนโรงงานที่ถูกระงับ

นอกจากนี้ Unimicron ผู้ผลิตแผ่นชิป และจัดหาอุปกรณ์ให้กับ Intel ก็จะปิดโรงงานเป็นการชั่วคราวเช่นกัน

ที่มา: businesstimesreuters