แบงก์ชาติ ดันใช้บิลน้ำ-ไฟ ประกอบการยื่นกู้ของ SME


น.ส.ฐิตา เภกานนท์ เศรษฐกรฝ่ายนโยบายโครงสร้างเศรษฐกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เผยผลสำรวจ SME กว่า 2,400 รายทั่วประเทศ พบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักติดปัญหาเมื่อต้องติดต่อราชการ เนื่องจากมีขั้นตอนยุ่งยาก ใช้เอกสารเยอะ และมีเวลานาน ทั้งโครงการอบรมช่วยเหลือจากภาครัฐฯ ก็ไม่ได้มีการติดตามประเมินผล เพื่อชี้วัดความสำเร็จของผู้ประกอบการ ส่วนการขอสินเชื่อก็ยังมีเงื่อนไขมาก มีค่าใช้จ่ายแฝง เช่น ค่าใช้จ่ายในการประเมินหลักประกันกว่า 3,000-5,000 บาท ต่อการขอสินเชื่อจากแบงก์ 1 แห่ง ทำให้เพิ่มภาระต้นทุนกับเอสเอ็มอี

นอกจากนี้ เอสเอ็มอียังมีการแข่งขันที่รุนแรงในการขายสินค้าประเภทเดียวโดยเฉพาะตลาดอีคอมเมิร์ซ ทั้งยังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดจากธุรกิจขนาดใหญ่ จึงอยากให้ภาครัฐเพิ่มโอกาส พร้อมลดความเหลื่อมล้ำในการแข่งขันกับธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ได้เปรียบเรื่องเงินทุน และเทคโนโลยี เช่น การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล อย่างการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์, ซอฟท์แวร์สำเร็จรูป, บริการเว็บไซต์ รวมถึงการฝึกอบรมแรงงานในทักษะที่ขาดแคลน โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ การใช้เครื่องจักร การซ่อมบำรุง และการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์

น.ส.ศราวัลย์ อังกลมเกลียว ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายโครงสร้างเศรษฐกิจ ธปท. กล่าวว่า ช่วงต้นปี 62 แบงก์ชาติจะสนับสนุนให้ธนาคารใช้ข้อมูลอื่นๆ ประกอบการให้สินเชื่อ (information based lending) เช่น ข้อมูลค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าโทรศัพท์ เพื่อช่วยผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น พร้อมทั้งจะปรับเกณฑ์ปล่อยกู้จากสถาบันการเงินที่สร้างภาระต้นทุนที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น ค่าใช้จ่ายในการประเมินหลักประกันเพื่อขอสินเชื่อ จากเดิมต้องขอทุกครั้ง แต่จะปรับให้ประเมินครั้งเดียว แล้วสามารถนำไปยื่นขอสินเชื่อได้หลายแบงก์

Credit Images | kidsplayground