หาสาเหตุ เพราะอะไร 7 เดือนแรก ปี 2567 ธุรกิจก่อสร้าง-อสังหาฯ- ร้านอาหาร ถึงเลิกกิจการมากที่สุด

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าการจดทะเบียนเลิกสะสม 7 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-กรกฎาคม 2567) มีจำนวน 7,929 ราย เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ลดลง 1,035 ราย คิดเป็น 11.55% ทุนจดทะเบียนเลิกสะสมอยู่ที่ 85,579.40 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เพิ่มขึ้น 28,446.77 ล้านบาท คิดเป็น 49.79% ทั้งนี้ มีนิติบุคคลจำนวน 4 ราย ที่มีทุนจดทะเบียนเกิน 1,000 ล้านบาท ได้จดทะเบียนเลิก โดยมีทุนจดทะเบียนรวม 6,004.71 ล้านบาท และในเดือนพฤษภาคม 2567 มีธุรกิจด้านโทรคมนาคมและการสื่อสาร จำนวน 1 ราย ทุนจดทะเบียนกว่า 48,209.34 ล้านบาท ได้จดทะเบียนเลิกเช่นกัน รวมทุนจดทะเบียนทั้ง 5 รายมีมูลค่ากว่า 54,214.05 ล้านบาท จึงทำให้ตัวเลขทุนจดทะเบียนเลิก 7 เดือนแรกสูงกว่าปกติ

เมื่อวิเคราะห์เชิงลึกแล้วหากตัดธุรกิจดังกล่าวออกไป ทุนจดทะเบียนเลิกจะอยู่ที่ 31,365.35 ล้านบาท และพบว่าสัดส่วนการจดเลิกอยู่ที่ 18% ของการจัดตั้งธุรกิจใน 7 เดือนแรก ซึ่งมีความใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ที่มีสัดส่วน 17% ของการจัดตั้งธุรกิจ

สำหรับ 7 เดือนแรกมีประเภทธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสะสมสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 758 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 1,886.50 ล้านบาท, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 467 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 7,014.72 ล้านบาท และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 259 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 613.34 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9.56%, 5.89% และ 3.27% จากจำนวนการเลิกประกอบธุรกิจตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม ตามลำดับ

หากวิเคราะห์ย้อนหลังไปช่วงเวลา 1 ทศวรรษที่ผ่านมาจะพบการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจของประเภทการจัดตั้งธุรกิจที่อดีตเป็นกลุ่มขายส่ง/ปลีก และการผลิต ได้เปลี่ยนผ่านเป็น ‘กลุ่มธุรกิจบริการ’ โดยช่วง 10 ปีนี้มีสัดส่วนการจัดตั้งธุรกิจบริการเกินครึ่งของธุรกิจทั้งหมด ทั้งนี้ เกือบทั้งหมดของธุรกิจบริการเป็นธุรกิจขนาดเล็ก S คิดเป็น 99.22% ธุรกิจขนาดกลาง M คิดเป็น 0.52% และขนาดใหญ่ L คิดเป็น 0.26% สำหรับประเภทธุรกิจบริการที่จัดตั้งสูงสุดคือ อสังหาริมทรัพย์, ภัตตาคาร/ร้านอาหาร และขนส่งและขนถ่ายสินค้าฯ

ในปี 2566 ธุรกิจบริการสร้างรายได้อยู่ที่ 11.04 ล้านล้านบาท เติบโตจากปี 2565 คิดเป็น 3.80% ทั้งนี้ ธุรกิจบริการ สามารถทำกำไรสูงสุด คิดเป็น 7.24% ของรายได้ ในขณะที่ภาคการผลิต คิดเป็น 4.61% ของรายได้ และภาคขายส่ง/ขายปลีกคิดเป็น 1.94% ของรายได้ จากข้อมูลใน 7 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-กรกฎาคม 2567) ธุรกิจบริการมีการจดทะเบียนจัดตั้งจำนวน 31,003 ราย คิดเป็น 57.18% ของจำนวนการจัดตั้งทั้งสิ้น 54,220 ราย ในปี 2567 ทุนจดทะเบียน 95,644.19 ล้านบาท คิดเป็น 56.67% ของทุนจดทะเบียนจัดตั้งทั้งสิ้น 168,783.20 ล้านบาท แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจบริการยังเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นโดยเฉพาะธุรกิจที่รองรับกับการท่องเที่ยว ประกอบกับมีการจัดตั้งธุรกิจบริการประเภทใหม่ๆ ที่มีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจ อาทิ การวิจัยและพัฒนาเชิงทดลองด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีฯ, ธุรกิจเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์, ธุรกิจความบันเทิง, ธุรกิจสถานที่ออกกำลังกาย

ปัจจุบัน (31 กรกฎาคม 2567) มีธุรกิจที่จดทะเบียนนิติบุคคลรวมทั้งสิ้น 1,931,454 ราย ทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 30.22 ล้านล้านบาท โดยมีนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่จำนวน 928,369 ราย ทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 22.28 ล้านล้านบาท แบ่งออกเป็นบริษัทจำกัดจำนวน 724,594 ราย คิดเป็น 78.05% ของจำนวนนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียน 16.14 ล้านล้านบาท ห้างหุ้นส่วนจำกัดและห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลจำนวน 202,303 ราย คิดเป็น 21.79% ของจำนวนนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียน 0.47 ล้านล้านบาท และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,472 ราย คิดเป็น 0.16% ของจำนวนนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียน 5.67 ล้านล้านบาท