ศึกภาษีเดือด! จีนเอาคืนสหรัฐฯ เพิ่มภาษีสินค้าการเกษตร

สถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองมหาอำนาจ สหรัฐฯ และจีน กำลังร้อนแรงขึ้นอีกระลอก หลังจากรัฐบาลจีนประกาศตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้าทางการเกษตรและการประมงจากสหรัฐฯ โดยมาตรการนี้เป็นการตอบสนองต่อภาษีศุลกากรใหม่ที่รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดขึ้นเพื่อลดการนำเข้าจากจีน

จีนระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคมเป็นต้นไป จะมีการเก็บภาษี เพิ่มอีก 15% สำหรับการนำเข้าไก่ ข้าวสาลี ข้าวโพด และสินค้าอื่นๆ จากสหรัฐฯ ขณะที่ สินค้าสำคัญอย่างถั่วเหลือง เนื้อหมู เนื้อวัว อาหารทะเล ผัก และผลไม้ จะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม 10% การตัดสินใจนี้ถือเป็นการกดดันกลับไปยังสหรัฐฯ โดยตรง หลังจากที่รัฐบาลทรัมป์เริ่มใช้มาตรการภาษีเพิ่มเติมกับสินค้าจีนตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์

แต่จีนไม่ได้หยุดแค่การขึ้นภาษีสินค้าเกษตรเท่านั้น ก่อนหน้านี้ จีนได้ออกมาตรการภาษีเพิ่มเติมกับ ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของสหรัฐฯ และล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ของจีนยังได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังองค์การการค้าโลก (WTO) โดยระบุว่าสหรัฐฯ ละเมิดกฎของ WTO อย่างร้ายแรง

นอกจากภาษี จีนยังแบนบริษัทอเมริกัน
ไม่เพียงแต่จะเล่นงานทางเศรษฐกิจผ่านมาตรการภาษี จีนยังออกมาตรการคว่ำบาตร บริษัทอเมริกัน 10 แห่ง โดยห้ามทำการค้ากับจีน หลังจากถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายอาวุธให้กับไต้หวัน นอกจากนี้ จีนยังสั่งห้าม การส่งออกแร่สำคัญที่สามารถใช้ในอุตสาหกรรมการทหาร ไปยังบริษัทอเมริกันอีก 15 แห่ง ซึ่งเป็นการตัดขาดวัตถุดิบสำคัญที่หลายบริษัทต้องพึ่งพา

มาตรการล่าสุดของจีนถือว่ามีความเข้มข้นและซับซ้อนกว่าครั้งก่อน และสร้างแรงกดดันให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างชัดเจน ประเด็นสำคัญตอนนี้คือ สหรัฐฯ จะตอบโต้กลับอย่างไร? และจะส่งผลกระทบต่อการเจรจาระหว่างสองประเทศแค่ไหน?

โฆษกจีนย้ำ “การตอบโต้ครั้งนี้ ชอบธรรมและจำเป็น”
ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ออกมายืนยันว่า “มาตรการของจีนมีความชอบธรรมและจำเป็นต่อการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ”

หลินยังกล่าวพาดพิงถึงรัฐบาลทรัมป์ว่า การเก็บภาษีเพิ่มเติมของสหรัฐฯ มีพื้นฐานมาจากข้อกล่าวหาที่ว่า จีนไม่ได้ช่วยเหลือสหรัฐฯ ในการแก้ปัญหาการลักลอบค้ายาเสพติด พร้อมทั้งตอกกลับว่า “จีนเคยให้ความร่วมมือมาโดยตลอด แต่สหรัฐฯ กลับตอบแทนความหวังดีด้วยการกล่าวโทษ”

พร้อมกันนี้ หลินยังส่งคำเตือนถึงสหรัฐฯ ว่า “หากสหรัฐฯ เปิดศึกภาษี หรือทำสงครามการค้า จีนจะยืนหยัดต่อสู้จนถึงที่สุด” พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐฯ กลับมาสู่โต๊ะเจรจาและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่หยิ่งผยอง

ศึกภาษีรอบใหม่นี้ไม่ใช่แค่สงครามการค้า แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันเชิงอำนาจระหว่างสองยักษ์ใหญ่ที่ไม่มีทีท่าว่าจะลดระดับลงง่ายๆ ต้องจับตาดูว่า สหรัฐฯ จะเดินเกมอย่างไร และการตอบโต้ครั้งนี้จะกระทบกับเศรษฐกิจโลกมากแค่ไหน