ผลสำรวจชี้ คนไทยครองที่ 1 ใช้มือถือสแกนจ่ายมากที่สุดในอาเซียน
October 8, 2024 October 16, 2024
วีซ่า (VISA) หนึ่งผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก เผยข้อมูลจากการศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคประจำปีฉบับล่าสุดของวีซ่า (Visa Consumer Payment Attitudes Study) เผยประเทศไทยเป็นผู้นำด้านความถี่ในการใช้แอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้ง (Mobile Banking) มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยอ้างอิงจากการศึกษาล่าสุดพบว่าร้อยละ 97 ของผู้บริโภคชาวไทยใช้งานแอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้งอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์หรือมากกว่านั้น ตามมาด้วยผู้บริโภคชาวเวียดนามร้อยละ 95 และชาวอินโดนีเซียร้อยละ 90
ไทยเป็นผู้นำด้านความถี่การใช้แอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้ง (Mobile Banking) มากที่สุดในอาเซียน
ข้อมูลจากการศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคประจำปีฉบับล่าสุดของวีซ่า (Visa Consumer Payment Attitudes Study) เผยว่าโดยเฉลี่ยเกือบเก้าในสิบ หรือร้อยละ 89 ของผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช้แอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้งอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งแอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้งยังเป็นการทำธุรกรรมออนไลน์ที่คนเลือกใช้มากที่สุดในทุกประเทศที่ทำการสำรวจ โดยประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยตัวเลข 96 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคที่ระบุว่านิยมใช้แอปพลิเคชันธนาคารบนมือถือมากกว่าบริการบนเว็บไซต์ ตามด้วยผู้บริโภคชาวอินโดนีเซียร้อยละ 95 และชาวเวียดนามร้อยละ 92
นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “การชำระเงินแบบดิจิทัลกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะผู้บริโภคมีทางเลือกในการชำระเงินมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการชำระผ่านบัตรคอนแทคเลส (Contactless payment) สมาร์ตโฟน และการสแกนคิวอาร์โค้ด (QR Code) รวมทั้งเรายังเห็นการชำระเงินแบบดิจิทัลได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ตั้งแต่ร้านอาหารขนาดย่อมไปจนถึงผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ”
นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย
ยิ่งผู้บริโภคในภูมิภาคใช้จ่ายแบบดิจิทัลมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งพกเงินสดน้อยลงเท่านั้น โดยการศึกษาของวีซ่าระบุว่า ร้อยละ 46 ของผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พกเงินสดน้อยลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นำโดยชาวเวียดนามร้อยละ 56 มาเลเซียร้อยละ 49 และไทยร้อยละ 47 ของกลุ่มสำรวจ ซึ่งเหตุผลหลักที่ทำให้พกเงินสดน้อยลง คือ ใช้จ่ายผ่านการชำระเงินแบบดิจิทัลในรูปแบบคอนแทคเลส หรือไร้สัมผัสมากขึ้น มีสถานที่รับชำระเงินแบบดิจิทัลมากขึ้น และกังวลว่าเงินสดจะสูญหายหรือถูกขโมย
การชำระเงินแบบเรียลไทม์ (Real-time payments หรือ RTP) ก็เป็นอีกทางเลือกที่กำลังแพร่หลายอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยมีผู้บริโภคชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึงร้อยละ 76 รู้จักวิธีการชำระเงินในรูปแบบนี้ และร้อยละ 47 เคยใช้บริการโอนเงินแบบเรียลไทม์มาก่อน ประเทศไทยอยู่อันดับแรกของภูมิภาคในด้านความถี่ของการใช้บริการชำระเงินแบบเรียลไทม์ โดยร้อยละ 86 ของผู้ตอบแบบสอบถามทำธุรกรรมแบบเรียลไทม์อย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ ตามด้วยเวียดนามที่ร้อยละ 84 และอินโดนีเซียที่ร้อยละ 69
แม้การชำระเงินแบบเรียลไทม์จะเป็นที่รู้จักและมีอัตราการยอมรับสูง แต่ผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ยังคงสงวนท่าทีในการเลือกชำระเงินในรูปแบบนี้โดยข้อกังวลลำดับต้น ๆ ที่ทำให้ลังเลคือ
ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย อยู่ที่ร้อยละ 44
ชอบชำระเงินดิจิทัลรูปแบบอื่นมากกว่า เช่น บัตรเครดิต/บัตรเดบิต ร้อยละ 42
ขาดความเข้าใจในการใช้งาน ร้อยละ 41
ในส่วนของเทคโนโลยี Generative AI หรือ Gen AI ก็ค่อย ๆ เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยร้อยละ 75 ของกลุ่มตัวอย่าง เคยได้ยินเกี่ยวกับคอนเซปต์ หรือรู้ว่ามันคืออะไร สำหรับ Gen AI ในบริบทของการให้บริการทางการเงินนั้น หนึ่งในสามของผู้บริโภคชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือร้อยละ 32 ระบุว่าเคยใช้งาน Gen AI มาแล้ว ขณะที่ร้อยละ 38 รู้จักแต่ไม่เคยใช้งานมาก่อน และหากจำแนกตามกลุ่มผู้บริโภคจะพบว่า ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงร้อยละ 51 จะคุ้นเคยกับ Gen AI มากกว่า เมื่อเทียบกับกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปที่คุ้นเคยเพียงแค่ร้อยละ 37
เทคโนโลยี Generative AI หรือ Gen AI
อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจจากการศึกษาฉบับนี้คือ นอกจากอัตราการรับรู้ที่สูงแล้ว บริการที่ผู้บริโภคในภูมิภาคนี้กำลังมองหาจาก Gen AI ในการทำธุรกรรมมากที่สุดสามอันดับแรก คือ การแจ้งเตือนธุรกรรมที่อาจเกิดการฉ้อโกงหรือตรวจจับการฉ้อโกงร้อยละ 79 การโต้ตอบกับลูกค้าที่สอบถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการร้อยละ 73 และการแนะนำผลิตภัณฑ์ด้านการเงินแบบเฉพาะบุคคลอีกร้อยละ 71
ที่มา: VISA (ประเทศไทย)