ญี่ปุ่น สิงคโปร์ จีน ท็อป 3 นักลงทุนหลักในไทยปี 67 เงินไหลเข้า 2.1 แสนล้าน EEC เติบโต 158%
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยตัวเลขการลงทุนจากต่างชาติในไทยตลอด 11 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-พฤศจิกายน) รวมมูลค่า 213,964 ล้านบาท โดยนักลงทุนญี่ปุ่นครองอันดับหนึ่งด้วยจำนวนเงินลงทุนสูงถึง 119,057 ล้านบาท รองลงมาคือสิงคโปร์และจีน ขณะเดียวกัน การลงทุนในพื้นที่ EEC เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด คิดเป็น 32% ของนักลงทุนต่างชาติทั้งหมดในปีนี้
สถิติการลงทุนเด่นในปี 2567
- นักลงทุนที่ได้รับอนุญาต จำนวน 884 ราย เพิ่มขึ้น 44% จากปีก่อน
- มูลค่าการลงทุน เพิ่มขึ้น 118% จากปีก่อน หรือคิดเป็น 115,676 ล้านบาท
- การจ้างงานคนไทย ลดลง 40% จากปีก่อน
5 อันดับประเทศที่ลงทุนมากที่สุด
- ญี่ปุ่น 239 ราย (27%) เงินลงทุน 119,057 ล้านบาท ธุรกิจเด่น คือ บริการทางวิศวกรรม, การจัดหาวัตถุดิบยานยนต์, อาหารและเครื่องดื่ม, พัฒนาดิจิทัลคอนเทนต์
- สิงคโปร์ 120 ราย (14%) เงินลงทุน 16,332 ล้านบาท ธุรกิจเด่น คือ การออกแบบวิศวกรรม, บริการ Cloud, ขุดเจาะปิโตรเลียม
- จีน 117 ราย (13%) เงินลงทุน 16,674 ล้านบาท ธุรกิจเด่น คือ การติดตั้งระบบเครื่องจักร, พัฒนา Enterprise Software, ธุรกิจบริการ Escape Room
- สหรัฐอเมริกา 115 ราย (13%) เงินลงทุน 23,555 ล้านบาท ธุรกิจเด่น คือ วิศวกรรมเทคนิค, ค้าปลีกสินค้า, บริการซ่อมบำรุงกล้อง
- ฮ่องกง 62 ราย (7%) เงินลงทุน 14,508 ล้านบาท ธุรกิจเด่น คือ ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศโดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง, พัฒนาซอฟต์แวร์, บริการโลจิสติกส์
การลงทุนในพื้นที่ EEC
- นักลงทุน 281 ราย (32% ของทั้งหมด) เพิ่มขึ้น 134% จากปีก่อน
- มูลค่าการลงทุน 50,396 ล้านบาท คิดเป็น 24% ของการลงทุนทั้งหมด เพิ่มขึ้น 158% จากปีก่อน
ประเทศหลัก
- ญี่ปุ่น 96 ราย (18,637 ล้านบาท)
- จีน 67 ราย (9,284 ล้านบาท)
- ฮ่องกง 19 ราย (5,223 ล้านบาท)
ธุรกิจเด่นใน EEC
- วิศวกรรมยานยนต์
- ซอฟต์แวร์และระบบฐานข้อมูล
- บริการ Heat Treatment
- การผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรม
ภาพรวมการลงทุนจากต่างชาติในไทยปี 2567 แสดงถึงความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทยและโอกาสในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะการลงทุนในพื้นที่ EEC ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมช่วยผลักดันการถ่ายทอดเทคโนโลยีและเสริมสร้างศักยภาพให้กับแรงงานไทย