จ่อเข้า ครม. เดือนนี้ “ภาษีคาร์บอน” เครื่องมือสู่เศรษฐกิจสีเขียวไทย

กระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการบังคับใช้ ภาษีคาร์บอน โดยระบุว่าการดำเนินการดังกล่าวได้รับการพิจารณาและกลั่นกรองจากคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้านเศรษฐกิจและการเกษตร คณะที่ 5 โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน

มุมมองที่หลากหลายจากหน่วยงานสำคัญ
ที่ประชุมได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพลังงาน มาร่วมแสดงความคิดเห็น เนื่องจากก่อนหน้านี้กระทรวงพลังงานมีความกังวลว่าภาษีคาร์บอนอาจทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้ข้อสรุปโดยพิจารณาถึงผลกระทบในระยะเริ่มต้นและประโยชน์ในระยะยาว โดยหลังจากผ่านการพิจารณาในคณะกรรมการฯ ขั้นตอนต่อไปคือการส่งเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อบรรจุในวาระการประชุม ครม. คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในเดือนมกราคมนี้ แม้ว่าการบังคับใช้ภาษีคาร์บอนจะล่าช้ากว่าแผนเดิม แต่จะไม่ส่งผลกระทบสำคัญ เนื่องจากการจัดเก็บภาษียังคงใช้โครงสร้างภาษีสรรพสามิตเดิมเป็นกลไกเบื้องต้นจนกว่าร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะมีผลบังคับใช้

ภาษีคาร์บอน ความโปร่งใสในการจัดเก็บเพื่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับภาษีคาร์บอนที่จะเสนอเข้าสู่ ครม. จะมีการปรับแก้กฎกระทรวงและออกประกาศกรมสรรพสามิต โดยกำหนดอัตราภาษีคาร์บอนในน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันไว้ที่ 200 บาทต่อตันคาร์บอนเทียบเท่า ตัวอย่างเช่น น้ำมันดีเซล 1 ลิตร มีการปล่อยคาร์บอน 0.0027 ตัน เมื่อคำนวณภาษีจะอยู่ที่ 0.55 บาทต่อลิตร ซึ่งจะถูกรวมอยู่ในอัตราภาษีสรรพสามิตปัจจุบันที่ 6.44 บาทต่อลิตร การจัดเก็บดังกล่าวนำแนวทางจากประเทศญี่ปุ่นมาปรับใช้ในไทย

ในระยะแรก กระทรวงการคลังใช้หลักการแปลงภาษีสรรพสามิตน้ำมันให้เป็นภาษีคาร์บอน โดยยังคงอัตราภาษีรวมเท่าเดิมเพื่อลดผลกระทบต่อผู้บริโภค นอกจากนี้ การคำนวณค่าภาษีจะอ้างอิงค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Factors) ตามมาตรฐานของกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม

ผลกระทบต่อผู้ประกอบการและประชาชน
แนวทางภาษีคาร์บอนในระยะแรกนี้มุ่งเน้นลดผลกระทบต่อราคาน้ำมัน โดยเฉพาะในภาคขนส่งที่เป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 70% ของทั้งประเทศ ในระยะยาว คาดว่าจะปรับอัตราภาษีเพื่อส่งเสริมการลดการปล่อยคาร์บอนอย่างยั่งยืน โดยน้ำมันที่มีค่าการปล่อยคาร์บอนสูงจะมีอัตราภาษีสูงกว่าน้ำมันที่ปล่อยคาร์บอนน้อยกว่า และพลังงานทดแทนจะได้รับอัตราภาษีที่ต่ำกว่า

สร้างโอกาสการค้าใหม่ด้วยภาษีคาร์บอน
มาตรการภาษีคาร์บอนยังช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเจรจาลดหย่อนค่าธรรมเนียมภายใต้กลไกการปรับตัวทางภาษีคาร์บอนชายแดน (CBAM) กับประเทศปลายทางได้ โดยถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการค้าระหว่างประเทศและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การบังคับใช้ภาษีคาร์บอนเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการสร้างความสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม แม้จะเริ่มต้นอย่างระมัดระวัง แต่เป็นการวางรากฐานสำหรับอนาคตที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมความตระหนักรู้ในการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในทุกภาคส่วน