สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ระบุว่า “เม็ดมะม่วงหิมพานต์” เป็นเมล็ดพืชซึ่งอุดมด้วยโปรตีนและไขมันดีต่อสุขภาพ โดยส่วนที่นำมาบริโภคจะเป็นเนื้อในสุดของเมล็ด ได้รับความนิยมรับประทานเป็นของกินเล่นหรือใช้เป็นส่วนประกอบในเมนูอาหารและขนมหวานต่างๆ

ทั้งนี้ มะม่วงหิมพานต์ เป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างมูลค่าเชิงพาณิชย์ให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ  ปลูกง่ายในสภาพอากาศชื้นและอบอุ่น น้ำไม่ท่วมขัง โดยจะให้ผลผลิตปีละครั้งในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม  ในส่วนของเมล็ดจำหน่ายได้ทั้งเมล็ดดิบทั้งเปลือกหรือผ่านกระบวนการผลิต และแปรรูปทั้งกะเทาะเปลือกหรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์แล้ว โดยสามารถจำหน่ายได้ตั้งแต่ราคา 20-50 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ขึ้นกับคุณภาพผลผลิตและราคาตลาด

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)  สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) โดยศูนย์เชี่ยวชาญอาหารสุขภาพ  วิจัยและพัฒนาเพิ่มมูลค่าผลผลิตมะม่วงหิมพานต์ในนรูปแบบ “ผลิตภัณฑ์นมเม็ดมะม่วงมะม่วงหิมพานต์หมักเสริมโพรไบโอติก”  ในระดับกึ่งอุตสาหกรรม  โดยใช้เชื้อหมักโยเกิร์ตในกลุ่มแลคติกแอซิดแบคทีเรียที่มีจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ โดยสามารถผลิตโยเกิร์ตจากนมเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ได้มาตรฐาน คือมีปริมาณแลคติคแอซิดแบคทีเรีย และมีโพรไอติกสายพันธุ์พื้นถิ่นที่เหมาะกับคนไทยและคนเอเชีย มีอายุการเก็บรักษาไม่น้อยกว่า 4 อาทิตย์ ที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส

โดยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย 3 เรื่อง คือ 1. เป็นผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตที่ทำจากพืชไม่มีส่วนผสมของสัตว์ 2. มีรายงานการวิจัยระบุถึงคุณสมบัติของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่มีการศึกษาพบว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่สามารถลดการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้ (NCD) และ 3. มีจุลินทรีย์โพรไบโอติกสายพันธุ์ที่เหมาะกับคนไทย คนเอเชีย เป็นสายพันธุ์ที่ผลิตโดยผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรม (ICPIM 1)  หน่วยงานในสังกัด ศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ วว. และได้รับการขึ้นทะเบียน อย. เรียบร้อยแล้ว

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

• นมข้าวข้นหวานข้าวไร่ดอกข่าพังงา เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร สู่อาหารสุขภาพสุดแปลกใหม่