ส่องเทรนด์ความยั่งยืนในเนเธอร์แลนด์ ประเทศผู้นำด้าน Sustainable

พฤติกรรมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนเธอร์แลนด์ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในการพัฒนาและแนวทางปฏิบัติเพื่อความยั่งยืน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและแน่วแน่ต่อความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งแทรกซึมอยู่ในทุกแง่ทุกมุมของชีวิตประจำวัน ความมุ่งมั่นของชาวเนเธอร์แลนด์ต่อความยั่งยืนเห็นได้ชัดเจนเป็นพิเศษจากแนวทางปฏิบัติที่ครอบคลุมด้านต่างๆ อาทิ การคมนาคมขนส่ง ที่อยู่อาศัย และแสงสว่าง เป็นต้น ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของเนเธอร์แลนด์กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากด้วยการเพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

สำหรับแนวทางปฏิบัติด้านที่อยู่อาศัย เนเธอร์แลนด์เน้นเรื่องประสิทธิภาพด้านพลังงานและเทคโนโลยีอัจฉริยะ การส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการอยู่อาศัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการนำระบบไฟส่องสว่างที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานมาใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งรวมถึงองค์ประกอบต่างๆ ที่ใช้ในการตกแต่ง อาทิ ไฟประดับตกแต่ง (String Lights) ประเภทไฟสาย ไฟหิ่งห้อย หรือไฟกะพริบ สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่กว้างขึ้นสู่ทางเลือกที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ความมุ่งมั่นแบบองค์รวมนี้ทำให้เนเธอร์แลนด์อยู่แถวหน้าของการเคลื่อนไหวเพื่อความยั่งยืนระดับโลก แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการสร้างอนาคตที่มีความยืดหยุ่นและรับผิดชอบต่อสังคม

รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) แนวโน้มที่เด่นชัดต่อการพัฒนาไปสู่ความยั่งยืนในเนเธอร์แลนด์เกี่ยวข้องกับความนิยมที่เพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ชาวเนเธอร์แลนด์หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นมาตรการสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน โดยรัฐบาลได้ริเริ่มโครงการและมาตรการต่างๆ อาทิ มาตรการจูงใจและสิทธิประโยชน์ทางภาษี รวมถึงมาตรการอุดหนุนทางการเงินที่ออกแบบมาเพื่อเจ้าของรถยนต์ EV ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ และด้วยเหตุนี้โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จแบตเตอรี่จึงได้ขยายตัวอย่างมากไปทั่วประเทศ ทำให้เจ้าของรถยนต์ EV สามารถชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ได้สะดวกมากขึ้นและเป็นการใช้พลังงานที่มีความยั่งยืนมากขึ้นด้วย ความพยายามร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้านี้ ไม่เพียงแต่เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเนเธอร์แลนด์ที่มีต่อความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังทำให้เนเธอร์แลนด์เป็นผู้เล่นที่สำคัญและน่าจับตามองในระดับโลกที่ต้องการมุ่งสู่การขนส่งที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

 

รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle)

 

จักรยานไฟฟ้า (Electric Bicycles) เนเธอร์แลนด์ได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่ใช้จักรยานมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง โดยมีเส้นทางจักรยานครอบคลุมกว่า 35,000 กิโลเมตรทั่วประเทศ ปัจจุบันมีความนิยมจักรยานไฟฟ้า (E-Bikes) เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างยั่งยืนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางระยะสั้น จักรยานไฟฟ้าให้ความสะดวกในการใช้งานและมีความยืดหยุ่นในการสัญจรไปตามเส้นทางจักรยานที่กว้างขวางและครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้จักรยานไฟฟ้าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลดการพึ่งพารถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลแบบเดิม การใช้จักรยานอย่างแพร่หลายไม่เพียงแต่สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของชาวดัตช์ในการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในวงกว้างที่มุ่งสู่การยอมรับวิธีการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้จักรยานไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนมากขึ้นสำหรับเนเธอร์แลนด์อีกด้วย

 

จักรยานไฟฟ้า (Electric Bicycles)

 

ที่อยู่อาศัย (Sustainable Housing) ภาคที่อยู่อาศัยของเนเธอร์แลนด์มีการนำแนวคิดเรื่องความยั่งยืนมาปรับใช้ โดยเน้นให้ความสำคัญกับเรื่องการประหยัดพลังงาน มาตรฐานการก่อสร้างใหม่ให้ความสำคัญกับวัสดุก่อสร้างและการออกแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานให้สูงสุด เจ้าของบ้านมีการลงทุนกับแผงโซลาร์เซลส์ ฉนวนประหยัดพลังงาน และเทคโนโลยีสมาร์ทโฮมมากขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ให้การสนับสนุนความพยายามเหล่านี้ผ่านการอุดหนุนและมาตรการจูงใจต่างๆ เพื่อส่งเสริมแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับการใช้ชีวิตในที่อยู่อาศัย

 

ที่อยู่อาศัย (Sustainable Housing)

 

ระบบไฟส่องสว่างประหยัดพลังงาน (Energy Efficient Lighting) นอกจากรถยนต์ไฟฟ้า จักรยานไฟฟ้า และที่อยู่อาศัยที่ประหยัดพลังงานแล้ว เนเธอร์แลนด์ยังมีความก้าวหน้าอย่างมากในเรื่องระบบไฟส่องสว่างประหยัดพลังงาน ซึ่งรวมถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นในการใช้ไฟประดับตกแต่ง (String Light หรือ Lampjes Slinger ในภาษาดัตช์) ประเภทไฟสาย ไฟกะพริบ หรือไฟหิ่งห้อยมากขึ้นทั้งในบ้าน สวน และสถานที่สาธารณะ ไม่เพียงเพราะความสวยงามเท่านั้น แต่รวมถึงคุณสมบัติที่ประหยัดพลังงานอีกด้วย โดยไฟประดับตกแต่งนี้ส่วนใหญ่ใช้หลอด LED ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานสูงมากเมื่อเทียบกับหลอดไฟแบบดั้งเดิม หลอด LED ใช้พลังงานน้อยกว่าและมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า ช่วยลดการใช้พลังงานและค่าใช้จ่ายในระยะยาว

การลดขยะและการรีไซเคิล (Waste Reduction and Recycling) ชาวเนเธอร์แลนด์ยังมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการลดขยะและการรีไซเคิล อัตราการรีไซเคิลในเนเธอร์แลนด์อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เนเธอร์แลนด์มีโครงการที่สร้างสรรค์และส่งเสริมให้ประชาชนลดการสร้างขยะให้เหลือน้อยที่สุด อาทิ โครงการปลอดพลาสติก เช่น การคืนขวดน้ำพลาสติกที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต โดยผู้บริโภคจะได้รับเงินค่าขวดพลาสติกคืนและสามารถนำไปใช้จ่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตต่อไปได้ และล่าสุดรัฐบาลเนเธอร์แลนด์มีข้อกำหนดเรื่องฝาขวดพลาสติก โดยตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป ฝาขวดพลาสติกบนขวดน้ำหรือเครื่องดื่มที่มีความจุไม่เกิน 3 ลิตร ต้องติดอยู่กับขวดหลังจากเปิดใช้งาน โดยข้อกำหนดนี้จะช่วยให้การเก็บรวบรวมฝาขวดพลาสติกเพื่อนำไปรีไซเคิลทำได้ง่ายมากขึ้น

การสนับสนุนพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Support) เนเธอร์แลนด์ยังคงเป็นประเทศที่สนับสนุนแหล่งพลังงานหมุนเวียน โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง แนวคิดริเริ่มและโครงการสำคัญต่างๆ อาทิ โครงการพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความหลากหลายของแหล่งพลังงานในประเทศและลดการพึ่งพาทรัพยากรที่ไม่หมุนเวียน ตัวอย่างที่เป็นที่รู้จักกันดีคือโครงการฟาร์มกังหันลม โดยมีทั้งฟาร์มกังหันลมบนบกและฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่ง ซึ่งช่วยผลิตพลังงานสะอาดในปริมาณมากให้กับประเทศ เช่น ฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่งที่เมือง Borssele และ Gemini ซึ่งเป็นหนึ่งในฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ยังมีการให้เงินอุดหนุนและสิทธิประโยชน์สำหรับธุรกิจและบุคคลที่ลงทุนในโซลูชั่นพลังงานหมุนเวียน เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลส์ เป็นต้น สิทธิประโยชน์ทางการเงินต่างๆ ไม่เพียงแต่ขับเคลื่อนความก้าวหน้าในการนำแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนมาใช้เท่านั้น แต่ยังมีส่วนสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายระยะยาวในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และทำให้เนเธอร์แลนด์เป็นผู้นำในการแสวงหาโซลูชั่นด้านพลังงานที่ยั่งยืน

บ้านอัจฉริยะ (Smart Homes) แนวคิดเรื่องบ้านอัจฉริยะได้รับความสนใจอย่างมากในเนเธอร์แลนด์ และมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานและการส่งเสริมความยั่งยืนโดยรวม ระบบอัตโนมัติภายในบ้านที่สามารถตรวจสอบและควบคุมการทำงานด้านต่างๆ ของบ้าน เช่น ระบบไฟส่องสว่าง ระบบทำความร้อน และระบบรักษาความปลอดภัย ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยสามารถปรับการใช้พลังงานได้อย่างเหมาะสมที่สุด ตัวอย่างอุปกรณ์บ้านอัจฉริยะ ได้แก่ เทอร์โมสแตทอัจฉริยะ (Smart Thermostats) ที่สามารถเรียนรู้พฤติกรรมและความต้องการของผู้ใช้งานและสามารถปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม สามารถควบคุมได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ส่งผลให้เกิดการประหยัดพลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การผสานรวมเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะมีความสอดคล้องกับเป้าหมายในการสร้างพื้นที่อยู่อาศัยที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงานไปจนถึงระบบไฟส่องสว่างอัจฉริยะ ครัวเรือนในเนเธอร์แลนด์หันมาใช้นวัตกรรมเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และเพื่อมีส่วนในการสนับสนุนอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น

เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เนเธอร์แลนด์เป็นผู้นำในการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยเน้นความสำคัญของการลดขยะให้เหลือน้อยที่สุดและการเพิ่มอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ให้สูงที่สุด มีการรณรงค์และริเริ่มโครงการต่างๆ อย่างจริงจัง อาทิ โครงการรีไซเคิล การออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ และโครงการเปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน รูปแบบโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียนของเนเธอร์แลนด์มีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบวงจรปิด (Closed Loop System) ที่วัสดุต่างๆ ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ ปรับปรุงใหม่ และรีไซเคิล ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบโดยรวมจากการบริโภคต่อสิ่งแวดล้อม เนเธอร์แลนด์กำลังมีการดำเนินการเพื่อสร้างโมเดลเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

นโยบายของรัฐและความร่วมมือกับภาคธุรกิจต่างๆ มีบทบาทสำคัญในการผลักดันวาระเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยการสร้างแรงจูงใจให้เกิดแนวทางปฏิบัติด้านการผลิตที่ยั่งยืนและการส่งเสริมการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติดัตช์อย่าง Philips มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนมากขึ้น เช่น หลอดไฟ LED ที่มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้น นอกจากนี้ Philips ยังมีโปรแกรม Circular Lighting ซึ่งให้บริการเช่าหลอดไฟเพื่อให้ลูกค้าสามารถส่งคืนหลอดไฟเก่าเพื่อรีไซเคิลได้ หรือแบรนด์กางเกงยีนส์ชื่อดังอย่าง MUD Jeans ที่ผลิตยีนส์จากผ้าฝ้ายรีไซเคิล มีโปรแกรมเช่ากางเกงยีนส์ (Lease A Jeans) ที่ลูกค้าสามารถเช่ากางเกงยีนส์แล้วส่งคืนเมื่อไม่ต้องการใช้แล้วเพื่อให้บริษัทนำไปรีไซเคิลต่อได้

เนเธอร์แลนด์ยังคงเป็นผู้นำในด้านความคิดริเริ่มเรื่องความยั่งยืน โดยได้รับแรงสนับสนุนจากรัฐบาลและผู้บริโภคที่มีความตระหนักรู้มากขึ้น ความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่นี้ทำให้เนเธอร์แลนด์พร้อมสำหรับนวัตกรรมและความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในเรื่องแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต ความพยายามร่วมกันระหว่างความคิดริเริ่มของรัฐบาลและจิตสำนึกของผู้บริโภคที่เลือกใส่ใจและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมจะสามารถสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นพลวัตสำหรับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต เนเธอร์แลนด์จึงพร้อมที่จะเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก ส่งเสริมการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และเป็นตัวอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับประเทศอื่นๆ ในขณะที่เนเธอร์แลนด์ก้าวไปข้างหน้าบนเส้นทางแห่งความยั่งยืน ความมุ่งมั่นของเนเธอร์แลนด์เพื่ออนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นก็จะเป็นแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในภาคส่วนต่างๆ และส่งผลให้โลกมีความยั่งยืนและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

บทวิเคราะห์และความเห็นของ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเฮก
ผู้บริโภคชาวเนเธอร์แลนด์มีความตระหนักและใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนเป็นอันดับต้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกพาหนะสำหรับการเดินทาง ที่อยู่อาศัย หรือการเลือกซื้อสินค้าในห้างร้านหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ตาม ชาวเนเธอร์แลนด์มักมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีแนวโน้มรักษ์โลกรักษ์สิ่งแวดล้อม ดังนั้นผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเจาะหรือขยายตลาดมายังเนเธอร์แลนด์ควรต้องศึกษาเทรนด์และแนวโน้มของตลาด รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อสามารถสร้างนวัตกรรมและการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีความยั่งยืนในอนาคต เพื่อที่จะสามารถตอบสนองต่อแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวผลิตภัณฑ์เองหรือแม้แต่บรรจุภัณฑ์ก็มีสำคัญเช่นกัน วัสดุที่ใช้จะต้องไม่ก่อให้เกิดผลกระทบทางลบกับสิ่งแวดล้อม การเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุที่มีความยั่งยืน เช่น ไม้ไผ่ เส้นใยธรรมชาติ และวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เป็นต้น รวมถึงการออกแบบที่คำนึงถึงวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ตั้งแต่การผลิตจนถึงการกำจัด เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของสินค้าไทยและโอกาสในการเข้าถึงตลาดเนเธอร์แลนด์มากขึ้น
ที่มา: สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเฮก