“เซเว่นญี่ปุ่น” กำลังถูกซื้อจากกลุ่มทุนแคนาดา ในราคา 1.4 ล้านล้านบาท

ร้าน 7-Eleven ในประเทศญี่ปุ่นถูกท้าทายครั้งสำคัญว่าจะตัดสินใจอย่างไร หลังจากมีข้อเสนอข้อยื่นซื้อกิจการเข้ามาให้พิจารณา

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา 7-Eleven ภายใต้การบริหารของ เซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ (Seven & i Holdings) เผชิญกับปัญหาในเรื่องการบริหารธุรกิจที่ตอนนี้กลุ่มค้าปลีกในญี่ปุ่นมีความเปราะบางเป็นอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อรายได้ที่หดตัว และทำให้บริษัทต้องปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อปรับตัวให้อยู่รอด และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ถือหุ้นให้ได้ หลังมีการกดดันให้บริษัทปฏิรูปโครงสร้าง

 

Seven & i Holdings บริษัทบริหาร 7-Eleven ในญี่ปุ่น

 

สำหรับบริษัทที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาขอซื้อกิจการ คือ Alimentation Couche-Tard ซึ่งดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อยักษ์ใหญ่ของแคนาดา มีร้านที่อยู่ในเครือ ได้แก่ Couche-Tard และ Circle K และธุรกิจค้าปลีกเชื้อเพลิง ในราคา 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท) เมื่อมีการประกาศข่าวนี้ออกสู่สาธารณะในวันที่ 19 ส.ค. ส่งผลให้หุ้นของเซเว่นในญี่ปุ่นปิดที่ 2,161 เยน เพิ่ม 23% จากการซื้อขายของวันก่อนหน้านี้

 

7-Eleven ในประเทศญี่ปุ่น

 

ด้าน Alimentation Couche-Tard เผยว่าข้อเสนอนี้ถูกพิจารณามาเป็นอย่างดีแล้ว โดยบริษัทมุ่งเน้นบริการที่เป็นประโยชน์กับลูกค้า พนักงาน ผู้ซื้อแฟรนไชส์ และผู้ถือหุ้นของบริษัท ขณะเดียวกัน เซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ ก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาข้อเสนอนี้แล้ว

หากดีลนี้เกิดขึ้นจริงจะเป็นการซื้อกิจการบริษัทญี่ปุ่นครั้งใหญ่ที่สุดที่ดำเนินการในต่างประเทศ

อีกด้านหนึ่ง สำนักข่าว asia.nikkei ได้สัมภาษณ์กับผู้ที่เคยร่วมงานกับเซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ โดยได้มุมมองที่น่าสนใจว่า ธุรกิจจะครบรอบ 50 ปี ที่ร้าน 7-Eleven เปิดในญี่ปุ่น แต่บริษัทยังคงพึ่งพาโมเดลธุรกิจแบบเดิมที่สร้างความสำเร็จในอดีต และไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสังคมได้

แม้ว่า Ryuichi Isaka ประธาน Seven & i Holdings จะตั้งเป้าหมายจะเป็นบริษัทกลุ่มค้าปลีกระดับโลก ที่เน้นอาหารเป็นจุดขาย ใช้นวัตกรรมเข้าเป็นส่วนหนึ่ง เช่น การขายข้าวปั้นโอนิกิริ ตลอดจนการเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง, ลูกค้าสามารถชำระบิลต่าง ๆ แต่ท้ายสุดแล้วก็ต้องยอมรับว่าธุรกิจหลักที่อยู่ในญี่ปุ่น และสหรัฐฯ อยู่สภาวะชะลอตัว ยังทำให้รายได้ไม่ได้ฟื้นตัวกลับมาสักเท่าไหร่นัก

ที่มา: asia.nikkei

เรื่องที่เกี่ยวข้อง