เทคโนโลยีอะไรที่เจ้าของโรงงานต้องปรับตัว จำเป็นต้องใช้ในธุรกิจยุคนี้
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา โรงงานไทยกำลังอยู่ในสภาวะที่การแข่งขันลดลง ไม่สามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกได้โดยเฉพาะในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 โรงงานไทยปิดกิจการถึง 757 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 31.7% คิดเป็นมูลค่ารวม 20,716 ล้านบาท (ข้อมูลจากสำนักสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
แม้ว่าภาพรวมของไทย จะมีจำนวนเปิดกิจการมากกว่าปิดกิจการ แต่ก็ยังมีหมวดอุตสาหกรรมที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์, สิ่งทอ, ผลิตภัณฑ์โลหะ, ยางและผลิตภัณฑ์ยาง, เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี เหล่านี้ปิดกิจการเพิ่มขึ้นมากที่สุด
หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญคือการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ผู้ประกอบการต้องตามให้ทัน หากไม่อยากตกขบวนตามเทรนโลก สิ่งสำคัญที่ปฏิเสธไม่ได้ คือการนำเอาเทคโนโลยีมาปรับใช้ เพื่อยกระดับ ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีศักยภาพมากขึ้น
แล้วเทคโนโลยีเรื่องอะไรบ้างที่คนเป็นเจ้าของควรนำมาเข้าปรับใช้ในกระบวนการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสร้างธุรกิจให้มีศักยภาพมากขึ้น
ระบบการจัดการการผลิต (Manufacturing Execution System – MES): ระบบนี้ช่วยติดตามและควบคุมกระบวนการผลิต ตั้งแต่การวางแผนการผลิตไปจนถึงการรายงานผล ทำให้สามารถตรวจสอบสถานะการผลิตแบบเรียลไทม์
การใช้ IoT (Internet of Things): การติดตั้งเซนเซอร์ในเครื่องจักร เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงาน การใช้ IoT ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและทำการซ่อมบำรุงเชิงพยากรณ์ได้
ระบบอัตโนมัติ (Automation): การใช้หุ่นยนต์หรือเครื่องจักรอัตโนมัติในการผลิต ช่วยลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความเร็วในการผลิต
ระบบการจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System – WMS): ระบบนี้ช่วยจัดการสต๊อกสินค้า ควบคุมการเข้าถึงและการจัดส่งสินค้า ทำให้การบริหารคลังสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น
ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics Software): การใช้ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อศึกษาพฤติกรรมการผลิตและแนวโน้มตลาด ช่วยให้เจ้าของสามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น
การใช้ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning): ระบบ ERP ช่วยรวมข้อมูลจากหลายแผนก เช่น การเงิน การผลิต และการขาย ทำให้การบริหารจัดการธุรกิจเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทคโนโลยีการจัดการพลังงาน (Energy Management Systems): การใช้ระบบนี้ช่วยติดตามการใช้พลังงาน สามารถลดค่าใช้จ่ายและทำให้การผลิตมีความยั่งยืนมากขึ้น
ระบบจัดการคุณภาพ (Quality Management Systems): การติดตามและปรับปรุงคุณภาพของสินค้า ช่วยลดของเสียและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning): ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและปรับปรุงกระบวนการผลิต ทำให้สามารถคาดการณ์ปัญหาและลดเวลาที่สูญเสีย
การฝึกอบรมออนไลน์: เทคโนโลยีที่พูดมาทั้งหมดจะไร้ประโยชน์ หากพนักงานไม่มีความรู้ ความเข้าใจที่จะนำมาใช้กับงานที่ทำอยู่ ดังนั้น คนเป็นเจ้าของต้องสนับสนุนให้พนักงานได้เรียนรู้ตามความสะดวกเพื่อสร้างความชำนาญ เพิ่มทักษะ และความรู้กับงานที่ทำ
อาจจะกล่าวได้ว่า การนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และทำให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ดีขึ้นในยุคที่ต้องปรับตัว หากอยากให้ธุรกิจอยู่รอด
เรื่องที่เกี่ยวข้อง