เปิด 4 อันดับ “นวัตกรรมนมจากพืช” มาแรงที่สุดในสหรัฐฯ
October 1, 2024 October 1, 2024
Plant-based milk คือ เครื่องดื่มประเภท non-dairy beverage ผลิตจากการนำพืชมากลั่นเป็นน้ำสีขาวขุ่นและเข้มข้นเหมือนนม พืชที่นำมาใช้มี 4 ประเภท คือ ธัญพืช (grain) พืชตระกูลถั่ว (legumes) เมล็ดพันธุ์ (seed) และ ถั่ว (nut) plant-based milk เป็นตลาด plant-based products ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯรองลงมาคือ plant-based meat และ plant-based creamer
Plant-based milk ในตลาดสหรัฐ มีหลากหลายประเภท ผลิตจากพืชหลากหลายชนิด ในปี 2023 ยอดขาย plant-based milk คิดเป็นร้อยละ 15 ของยอดขายสินค้ากลุ่มนม (milk) ทุกประเภทรวมทั้งสิ้น หรือประมาณ 2.9 พันล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดีหน่วยขาย plant-based milk ลดลงร้อยละ 8 เหลือ 744 ล้านหน่วย และคิดเป็นร้อยละ 13 ของปริมาณขายสินค้านมทุกประเภทรวมทั้งสิ้น โดย Plant-based milk ที่วางตลาดและได้รับความนิยมบริโภคในสหรัฐฯมี 4 ประเภท ได้แก่
Almond milk เป็น plant-based milk ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีรสชาติแหลม หวาน และสามารถแทนนมวัวปกติในการปรุงอาหารหลายรายการหรือการดื่มสดๆได้เป็นอย่างดี ข้อได้เปรียบอีกประการหนึ่งคือ เป็นหนึ่งใน plant-based ที่มีราคาต่ำที่สุด Almond milk มียอดขายสูงสุดในหมู่ plant-based milk ที่วางจำหน่ายในช่องทางค้าปลีก off-trade ที่เป็น supermarket มูลค่าตลาดประมาณ 1.6 พันล้านเหรียญฯ แม้ว่าจะมียอดขายสูงสุดในหมู่ plant-based milk แต่มีอัตราการเติบโตในระหว่างปี 2018 – 2022 ในอันดับที่สามรองจาก Oat Milk และ Coconut Milk แบรนด์ที่ครองตลาดและมีส่วนแบ่งตลาดเกินกว่าร้อยละ 40 คือ Blue Diamond รองลงมาคือแบรนด์ Silk
Almond milk
Oat Milk เป็น plant-based milk มีรสชาติเป็นกลางๆ และมีลักษณะของน้ำนมคล้ายนมวัว ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับที่สองรองจาก Almond milk ทั้งนี้ oat milk มีมูลค่าตลาดประมาณ 600 ล้านเหรียญฯ ช่องทางค้าปลีกที่ oat milk จะขายดีที่สุดคือ on-tradeที่เป็น specialty coffee shops ที่ต้องการนำ oak milk ไปใช้เป็นส่วนผสมในกาแฟ อัตราการบริโภค oat milk เติบโตในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 167.4 ต่อปี oak milk เป็น plant-based milk ที่มีอัตราเติบโตของยอดขายสูงสุด คือเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.7 ในปี 2018 เป็นร้อยละ 21.0 ในปี 2022 แบรนด์ที่ครองตลาดสหรัฐฯ คือ Planet ที่ในปี 2022/23 มียอดขายสูงถึงประมาณ 190 ล้านเหรียญฯ รองลงมาคือแบรนด์ Oatly, Chobani และ Silk
Oat Milk
Coconut Milk ในระหว่างปี 2018 – 2022 coconut milk มีส่วนแบ่งในตลาด plant-based market ประมาณร้อยละ 10.6 ในระหว่างปี 2018 – 2022 มียอดขายสูงเป็นอันดับที่สองรองจาก Oat milk แม้ว่าความต้องการบริโภคแสดงแนวโน้มเติบโต แต่ Coconut milk มีข้อเสียเปรียบที่ชัดเจน คือ เป็นสินค้ามีปริมาณ saturated fat สูงกว่า plant-base milk อื่นๆ แต่มีโปรตีนในระดับต่ำกว่านมวัวหรือเกือบจะไม่มีโปรตีนเลย มีกลิ่นและรสค่อนข้างแรง และมีราคาต่อหน่วยสูงกว่า plant-based milk อื่นๆ
Coconut Milk
Soy Milk เป็น plant-based milk ที่มีราคาโดยเฉลี่ยต่ำเป็นอันดับที่สองรองจาก Almond milk ความนิยมบริโภค soy milk เริ่มตกต่ำในปี 2020 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ยอดขาย soy milk ลดลงในอัตราร้อยละ 15.1 สาเหตุมาจากราคาที่เพิ่มสูงขึ้นและการแข่งขันของ oat milk ที่เป็นสินค้าใหม่ที่เข้าตลาดหลังจาก soy milk
Soy Milk
แบรนด์สำคัญในตลาดสหรัฐฯ คือ Blue Diamond Growers, Califia Farms LLC., Danone SA, Oatly Group AB และ Walmart Inc. และงานวิจัยตลาดของหลายองค์กรพบว่า กลุ่มคนอเมริกันที่มีรายได้สูงจะนิยมบริโภค plant-based milk มาก แต่เมื่อคิดเป็นสัดส่วนร้อยละของประชากรในกลุ่ม เรียงตามลำดับคือ Gen Z (ร้อยละ 40) millennials (ร้อยละ 38) Gen X (ร้อยละ 34) Baby Boomer และกลุ่ม Senior (ร้อยละ 21)
เงื่อนไขหลักที่สนับสนุนการเติบโตของตลาด plant-based milk คือ การเปลี่ยนแปลงของทัศนคติและมุมมองของผู้บริโภคที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ที่ได้เข้าไปเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตและการบริโภคผู้บริโภคสหรัฐฯเข้าสู่แนว eco-friendly และ sustainable ดังนี้
การเปลี่ยนแปลงลักษณะประชากรและทัศนคติ เปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตและการบริโภค
ซึ่งมีความวิตกกังวลและห่วงใยในสวัสดิภาพของสัตว์ และเชื่อว่า การทำปศุสัตว์เป็นการทารุณสัตว์
ความห่วงใยต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะสิ่งแวดล้อม การเลี้ยงปศุสัตว์ส่งผลทำให้หน้าดินเสื่อมจากการปลูกหญ้าเลี้ยงวัว ต้องใช้น้ำเป็นจำนวนมาก และเป็นการสร้าง greenhouse gas (methane) ปล่อยออกสู่สภาวะอากาศ
ความต้องการบริโภคอาหารธรรมชาติ อาหารเพื่อบำรุงรักษาสุขภาพและอนามัยของตนเอง
ผู้บริโภคสหรัฐฯระหว่าง 30 – 50 ล้านคนแพ้ lactose หรือ milk sugar ในนมวัว
การเติบโตของความนิยมบริโภคอาหารปลอดเนื้อสัตว์ ผู้บริโภคจำนวนมาเชื่อว่า โรคต่างๆที่เกิดขึ้นในสัตว์สามารถถ่ายทอดสู่มนุษย์ได้ ผ่านทางการสัมผัสและการบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์
การเติบโตของเทคโนโลยี่และนวัตกรรมการผลิตสินค้าแปลกใหม่และหลากหลายออกสู่ตลาด
การเติบโตของความต้องการของอุตสาหกรรมค้าปลีกเครื่องดื่มต่างๆ เช่น กาแฟ ที่ต้องการ plant-based milk ไปใช้เป็นส่วนผสมแทนที่ dairy milk และครีมที่ใช้เป็นปกติแต่ดั้งเดิม เพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติใหม่ๆและดึงดูดใจผู้บริโภคกลุ่มที่บริโภค plant-based milk มากขึ้น
การเติบโตของการนำเอา plant-based milk ไปใช้ในการปรุงแต่งอาหารคาวหวาน
ด้าน การแข่งขันกับสินค้า dairy milk ( นมจากสัตว์ ) พบว่า สินค้า plant-based milk milk ( นมจากพืช) มีอำนาจการแข่งขันสูงกว่า เนื่องจากปัจจัย ดังนี้
การบริโภคนม dairy milk มีแนวโน้มลดลง การสำรวจของบริษัทวิจัยตลาด Mintel พบว่า ในปี 2023 ผู้ผลิต dairy milk ในสหรัฐฯ ผลิตสินค้าได้ในปริมาณสูงถึง 6 พันล้านปอนด์ (26.4 พันล้านแกลลอน) แต่การบริโภคในประเทศกลับลดลงจากปี 2022 ร้อยละ 4 ขณะที่ในระยะเวลาเดียวกันการบริโภค non-dairy milk มีการเติบโตร้อยละ 5
plant-based milk ที่มีวางจำหน่ายในตลาดสหรัฐฯนำเสนอรสชาติหลากหลายมากกว่า dairy milk ที่ส่วนใหญ่จำกัดอยู่ที่รส sweet, unsweet/plain, vanilla และ chocolate ขณะที่ plant- based milk นอกจาก จะมีกลิ่นและรสชาติและแตกต่างออกไปตามพืชวัตถุดิบที่ถูกนำมาใช้แล้ว ยังมีการผสมผสานพืชวัตถุดิบต่างๆเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มรสชาติแปลกๆออกสู่ตลาดมากขึ้นต่อเนื่อง เป็นการสร้างความแปลกแยกของสินค้าและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภค ที่กำลังคลี่คลายออกจากการบริโภครสชาติปกติที่คุ้นเคย เข้าสู่การบริโภครสชาติแปลกใหม่ ที่ให้ความตื่นเต้นน่าสนใจในการบริโภคมากกว่าเดิม
ศักยภาพการเติบโตของตลาด : งานวิจัยอัตราเติบโตของยอดขาย plant-based milk ในระหว่างปี 2018 – 2022 ของนักวิชาการที่ Purdue University, College of Agriculture พบว่า การบริโภคนมที่เป็น dairy milk ลดลง ขณะที่การบริโภคเครื่องดื่มที่เป็น plant-based มีการเติบโตอย่างมั่นคง บริษัทวิจัยตลาด Mordor Intelligence คาดการณ์อัตราเติบโตต่อปีของตลาด plant-based สหรัฐฯที่ร้อยละ 11.54 มูลค่าตลาด plant-based milk ของสหรัฐฯในปี 2024 คาดว่าว่าจะประมาณ 4 พันล้านเหรียญฯ และจะพุ่งสูงเป็น 7 พันล้านเหรียญฯในปี 2029 การเติบโตของการบริโภคส่วนใหญ่มาจากการบริโภค almond milk และ oat milk
สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการจากสินค้า plant-based milk ได้แก่ 1. สินค้า plant-based milk ที่เป็นสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีรสชาติแปลกใหม่ แต่ยังคงให้ความรู้สึกเสมือนว่ายังคง “กำลังดื่มนมวัว” ที่ผู้บริโภคคุ้นชินว่าคือ เครื่องดื่มสีขาวขุ่น มีความเข้มข้นคล้ายครีม มีรสชาติกลมกล่อมและรสชาติของพืชที่นำมาใช้ไม่โดนเด่นเหมือนรสชาติของ “น้ำผลไม้” และไม่มีกลิ่นที่รุนแรงเหมือนกลิ่นน้ำผลไม้ และ 2. ราคาสินค้าที่ไม่แพงมากจนเกินไป
ข้อมูลจาก: สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส