กบง.ดึงเงินกองทุนเชื้อเพลิง 6 พันล้านบาท ตรึงราคาดีเซล ไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตรจนถึงสิ้นปี ด้านแอลพีจียังสูงต่อเนื่อง ยันกำหนดที่ 363 บาท/15 กก.
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุมได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบของโลกทั้งตลาดเบนซ์และดูไบ โดยเบื้องต้นสถานการณ์ราคาอยู่ในระดับสูงเกิน 82 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลมาจากมาตรการคว่ำบาตรประเทศอิหร่านของสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้จึงส่งผลมายังราคาน้ำมันดิบให้ผันผวนรุนแรง ซึ่ง กบง. เห็นว่าอาจจะเกิดผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำมันในประเทศได้ ทั้งนี้ ที่ประชุมจึงมีมติที่จะใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาท มารักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในอัตราไม่เกิน 1 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นการใช้เงินเพิ่มขึ้นอีก 70 สตางค์ต่อลิตร จากปัจจุบันที่ใช้เงินกองทุนอุดหนุนในอัตราไม่เกิน 30 สตางค์ต่อลิตร โดยการเพิ่มเงินอุดหนุนเฉพาะในกรณีที่ราคาน้ำมันดิบเพิ่มมากขึ้นสูงถึง 85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งคาดว่าจะสามารถรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดีเซลจนถึงสิ้นปี 2561 “ขณะนี้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกสูงขึ้นรวดเร็ว เนื่องความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน ประกอบกับมีข่าวว่าสหรัฐฯ ไม่อนุมัติการใช้น้ำมันสำรอง ประกอบกับนักวิเคราะห์ประเมินราคาน้ำมันดิบช่วงเข้าฤดูหนาว จึงมองแนวโน้มราคาน้ำมันดิบตลาดโลกจะสูงขึ้นไปถึง 80-100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล” นายศิริ กล่าว อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานจะติดตามแนวโน้มราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง โดยมีมาตรการต่างๆ ออกมาดูแลเพื่อให้ประชาชนมั่นใจไม่เป็นภาระค่าครองชีพประชาชนในช่วงที่สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกผันผวนอย่างเหมาะสม เชื่อว่าหลังสิ้นปีนี้จะคลี่คลายและปรับตัวเข้าสู่สภาวะปกติ หลังจากผลสหรัฐฯ ค่ำบาตรอิหร่านมีความชัดเจนขึ้น นายศิริ กล่าวว่า ขณะที่สถานการณ์ราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) แนวโน้มราคาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่กระทรวงพลังงานยังคงรักษาระดับราคา โดยการตรึงราคาขายปลีกแอลพีจีอยู่ที่ 363 บาทต่อขนาดบรรจุถัง 15 กิโลกรัม ซึ่งปัจจุบันสามารถใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ภายในวงเงินเพดานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 7,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามสถานการณ์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 23 ก.ย. 2561 อยู่ที่รวม 25,462 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันเชื้อเพลิง 29,285 ล้านบาท และบัญชีแอลพีจีที่ ติดลบ 3,823 ล้านบาท “การดูแลรักษาระดับเชื้อเพลิงทั้งน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร และราคาแอลพีจี อยู่ที่ 363 บาทต่อถัง 15 กก. เป็นราคาที่เหมาะสมสำหรับผู้ประกอบการและผู้บริโภคทั่วไป โดยไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพ ซึ่งเราก็มีกรอบในการอุดหนุนทั้งสองเชื้อเพลิง และยังไม่มีโอกาสที่จะกู้เงินมาใช้จากแหล่งอื่นๆ“ นายศิริ กล่าว