ตั้งแต่เว็บเครือข่ายทางสังคมออนไลน์โด่งดัง David Sacks ซีอีโอของ Yammer ก็รู้ว่าเว็บเทรนด์นี้กำลังมา แต่ถ้าจะดีกว่าก็ควรจะนำมันมาใช้ให้ถูกที่ถูกทาง โดยเฉพาะกับการสื่อสารภายในองค์กร
ดังนั้นเว็บ Yammer ในเวอร์ชันแรกสุดทุกคนจะรู้จักกันในนามว่า “ทวิตเตอร์สำหรับองค์กร” แต่หลังจากปี 2008 เป็นต้นมา ทางเว็บก็ได้พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องไปจนวันนี้ที่เรียกได้ว่าเป็น “เฟซบุ๊กสำหรับองค์กร” เป็นที่เรียบร้อยแล้วเพียง 4 ปีให้หลัง Yammer โตอย่างก้าวกระโดดมียอดผู้ใช้เว็บ
ทั้งหมด 4 ล้านคน และล้วนเป็นพนักงานบริษัททั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีองค์กรดังๆ ใช้บริการไม่ว่าจะเป็น Vodafone, Initiative Media, LG Electronics, Ford ถึงตอนนี้คิดเป็น 20% ของผู้ใช้ยอมจ่ายค่าบริการรายเดือนอีกด้วย (ซึ่งแพคเกจราคาสูงสุดคือ 450 บาท/ผู้ใช้/เดือน ซึ่งถือว่าถูกมากๆ
สำหรับองค์กรใหญ่ที่ช่วยใช้ Yammer เป็นแพล็ตฟอร์มการพูดคุยและประสานงานในองค์กร)ระบบการสื่อสารหากันและกันในองค์กรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้งานเดินต่อไปได้ เพราะบริษัทใหญ่ต้องการให้พนักงานแยกเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัว ฉะนั้นจึงไม่ได้ให้เจ้านาย Add friend ในเฟซบุ๊กของลูกน้องหรือลูกค้าเหมือนบริษัท SMEs เล็กๆ จึงทำให้การสร้างเว็บอย่าง Yammer จึงมีลูกค้ากลุ่มใหญ่รอใช้บริการอยู่
จุดเด่นของ Yammer ในการเป็นเฟซบุ๊กสำหรับองค์กร
– สามารถดีไซน์หน้าเว็บให้สอดคล้องกับสีสันหลักขององค์กรได้
– ผู้ใช้ทุกคนมีประวัติส่วนตัว (ที่จริงจัง ถูกต้อง เพราะนำมาใช้ในการทำงาน)
– สร้างโพลได้
– ถามคำถามได้
– ส่งข้อความหากันโดยตรงได้
– สร้างหน้าเพจสำหรับโครงการต่างๆ เพื่ออัปไฟล์ ประกาศ สร้างกลุ่มต่างๆ จะได้ตามงานกันได้
– เนื้อหาทุกอย่างบนเว็บแก้ไขออนไลน์ได้พร้อมๆ กันหลายคนเชื่อมต่อกับบริการของเว็บอื่นมากมาย ในรูปแบบของแอปฯ เช่น แชตผ่าน Google Talk, ค้นหาข้อมูลทุกอย่างด้วย Greplin เปนต้น
นอกจากเว็บแล้ว Yammer ยังทำแอปฯบนมือถือเกือบทุกระบบ ไม่ว่าจะเป็น iOS, Android, Windows Phone หรือแม้แต่โปรแกรมติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ด้วย
และวันนี้ข่าวลือใหญ่ก็คือ Yammer Inc. ยอมลงให้ไมโครซอฟท์ขายบริษัทเพื่อแลกกับเงินก้อนใหญ่ที่มากกว่า 3,000 ล้านบาท
ไม่ต้องสงสัยว่าผลิตภัณฑ์ของ Yammer Inc.จะนำไปต่อยอดธุรกิจใดของไมโครซอฟท์ เพราะมันคือ Microsoft Office นั่นเอง
เพราะ Microsoft Office ถือเป็นหน่วยธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัท ปีที่แล้วยังมียอดสูงกว่าเดิมถึง 6.4% คิดเป็นรายได้เบ็ดเสร็จ 5.3 แสนล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้คือ มากกว่าครึ่งของรายได้ทั้งบริษัทไมโครซอฟท์!
การเข้าครอบครอง Yammer Inc. จึงเป็นจิ๊กซอว์ตัวที่สำคัญที่ไมโครซอฟท์จะประกาศต่อชาวโลกว่า Microsoft Office วันนี้จะ Goes Online! ซึ่งงานก็จะทำให้กูเกิลต้องหูผึ่งบ้าง เพราะเท่ากับว่า Google Apps อาจจะมีคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อเข้าให้แล้ว
ผู้เขียนเชื่อว่าหลังจากที่ไมโครซอฟท์เข้าซื้อ Yammer ก็ยังคงต้องต่อยอดการหารายได้ 2 ทางเหมือนที่เคยทำกับตอนซื้อสไกป์ นั่นคือ ทั้งขายเครดิตการโทรออก และ โฆษณา เพราะ Yammer ก็เหมาะสมที่จะส่งสารโฆษณาที่ถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกับธุรกิจแบบ B2B