การเปิดร้านขาย “เบเกอรี่” เป็นหนึ่งในธุรกิจที่คนไทยนิยมลงทุน จุดเด่นของธุรกิจนี้ คือ เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ สามารถรับประทานเป็นอาหารรองท้องได้ ในแง่ของผลกำไรโดยเฉลี่ยเบเกอรี่ 1 ชิ้น มีต้นทุน 40% ของราคาขาย ข้อดีของธุรกิจเบเกอรี่คือ ใครทำขนมตามสูตรออกมายังไงก็อร่อย ต่างจากการปรุงอาหารที่ต้องใช้คนปรุงคนเดิม แต่ก็ยังมีรสชาติที่ผิดเพี้ยนไปตามน้ำหนักมือในการปรุงแต่ละครั้ง แต่ลำพังรสชาติอย่างเดียว ปัจจุบันธรรมดาเกินไป สิ่งสำคัญคือต้องสร้างรูปแบบขนมให้แตกต่าง ถึงจะอยู่รอดในตลาดได้
ช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา สภาพตลาดเบเกอรี่เติบโตสูงมากและเกิดการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น ทั้งจากผู้ประกอบการชาวไทยและต่างชาติที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นการจะเปิดร้านเบเกอรี่ในปัจจุบันย่อมต้องเข้าใจค่านิยมการบริโภคของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตามกระแสนิยม ไม่เพียงแต่รสชาติที่ต้องอร่อยและมีเอกลักษณ์พิเศษไม่เหมือนใคร รูปลักษณ์ที่สวยงามทันสมัย การบรรจุหีบห่อที่สวย สะอาด ดึงดูดใจ การบริการขนส่ง การทำโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมสินค้าตัวอย่างเพื่อให้เป็นที่จดจำ ล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่ง
หากมีหน้าร้าน ก็ต้องสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น สะอาด สบาย น่านั่ง นอกจากจะขายเบเกอรี่แล้ว ควรจะขายคู่กับเครื่องดื่ม หรือมีการจัดอาหารว่างเป็นกล่องส่งตามงานต่างๆ ก็สามารถเพิ่มช่องทางการขาย เพื่อเพิ่มกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้มากขึ้น เพราะในสมัยนี้ เบเกอรี่มีขายอยู่อย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นในห้าง
สรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ ตลาดนัด ร้านคาร์แคร์ ปั๊มน้ำมัน แม้แต่ในอินเตอร์เน็ตก็ยังมี เพราะฉะนั้นเมื่อคู่แข่งทางการตลาดเยอะ ก็ต้องการสร้าง “จุดขาย” ที่เด่น แปลก มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ทำให้สินค้าตัวขายโดนใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย
การสร้างจุดขายจุดแข็งให้กับเบเกอรี่ของร้าน เช่น เบเกอรี่เพื่อคนรักสุขภาพ เบเกอรี่เพื่อคนแพ้อาหาร เบเกอรี่ที่เน้นวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง เบเกอรี่สไตล์เกาหลี เป็นต้น นอกจากเอกลักษณ์ที่สะดุดใจแล้วสิ่งที่สำคัญที่ขาดไม่ได้คือ ขนมต้องอร่อย และรักษาคุณภาพความอร่อยไว้อย่างสม่ำเสมอ อย่าลดคุณภาพของวัตถุดิบของร้าน เพียงเพื่อต้องการกำไรมากขึ้น เพราะร้านจะอยู่ได้เมื่อลูกค้ากลับมาซื้อและบอกต่อความอร่อย ความประทับใจในรสชาติและการบริการเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจหากคุณต้องการยืนอย่างยั่งยืนในตลาดเบเกอรี่ปัจจุบัน