“ความงาม” ธุรกิจแรงทุกมุมโลก ดึงเทรนด์ “สุขภาพ” ขายสินค้า


++ กระแสของธุรกิจเกี่ยวกับ “ความงาม” กำลังมาแรงทั่วทุกมุมโลกไม่เว้นแม้แต่เมืองไทย ตลาดธุรกิจความงามในเมืองไทยแข่งขันกันดุเดือดเพื่อให้บริการลูกค้าที่รักสวยรักงาม โดยเฉพาะกลุ่มความงามระดับพรีเมียมที่ต้องหานวัตกรรมใหม่ๆ มาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ธุรกิจหลายแขนงต่างดึงเทรนด์สุขภาพและความงามมาผนวกเข้ากับผลิตภัณฑ์ของตนเอง ตามเทรนด์หวังเพิ่มยอดขายและยอดซื้อให้โตขึ้น

++ คุณเกศมณี เลิศกิจจา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และนายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย เปิดเผยกับ “SMEs ชี้ช่องรวย” ว่าตลาดอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในประเทศกลุ่ม Skin Care มีมูลค่าสูงถึง 400,000 ล้านบาท เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงเพื่อผิวขาวถึง 48% ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบบทั่วไป 43% และผลิตภัณฑ์บำรุงแบบให้คุณประโยชน์เฉพาะ 9% แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์ตลาดบน 20% ตลาดกลาง 26% และ 54%อยู่ในกลุ่มตลาดล่าง ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่มาก

++ แนวโน้มประชากรไทยอีก 17 ปีข้างหน้า จะมีขนาดครอบครัวเล็กเพียง 2-3 คน เป็นช่องว่างการทำตลาดของผู้ประกอบการเครื่องสำอาง เพราะคนจะหันมาให้ความใส่ใจทั้งเรื่องความงามและสุขภาพไปพร้อมๆ กัน เชื่อว่าในอนาคตตลาดเครื่องสำอางประเภทชะลอวัย (Anti Aging Products) จะเป็นตลาดใหญ่มาก รวมถึงเครื่องสำอางประเภทออแกนิกส์ (Organics) จะเป็นอีกตลาดที่มาแรง

แม้ว่าเครื่องสำอางประเภทออแกนิกส์จะเป็นอีกตลาดที่มาแรงในตลาดโลก แต่สำหรับเมืองไทยนั้นยังถือว่าแรงไม่พอที่จะปฏิวัติวงการ สิ่งที่พอจะกล่อมแกล่มไปกับเทรนด์ได้คือการเลือกใช้ “สารสกัดจากธรรมชาติ 100%” ผลักดันให้ “โรงงานรับผลิต” ตอบโจทย์ความต้องการลงทุน พัฒนาการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพ ตรงตามความต้องการ

++“พัชรี เลิศวิลัยวิทยา” ผู้อำนวยการ บริษัท พรีมา แคร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตเครื่องสำอางชั้นนำให้กับลูกค้ามานานกว่า 8 ปี กล่าวว่า พรีมา แคร์ รับผลิตแบบ OEM และ ODM ที่จุดเด่นด้วยบริการครบวงจร และช่วยควบคุมต้นทุนสินค้าให้อยู่ในงบประมาณที่จำกัดได้ ผลกำไรที่ได้ขึ้นกับ “ขนาดของธุรกิจ” เครื่องสำอางเป็นอุตสาหกรรมที่มีกำไรดี ความสำเร็จขึ้นกับต้นทุนการผลิตขึ้นอยู่กับว่าผู้ลงทุนมีฐานลูกค้าอยู่ที่กลุ่มไหน

++หากเป็นสถานบริการสปา โรงแรมหรือรีสอร์ทระดับ 3-5 ดาว และกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ สินค้าที่ผลิตควรมีความแปลกใหม่ มีให้เลือกหลากหลาย ได้มาตรฐานและมีคุณภาพค่อนข้างสูง แต่หากเป็นตลาดในประเทศอย่างกลุ่มผู้บริโภคทั่วๆ ไป การกำหนดราคาที่สูงเกินไป ก็อาจส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้ เนื่องจากสินค้าที่วางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดหรือเว็บไซต์มีความคล้ายคลึงกันมาก และส่วนใหญ่จะมีราคาไม่แพง

                 ++เสริม “คอลลาเจน” ตลาดยังไปต่อ

++ ปี 2556 เป็นปีที่ตลาด “อาหารเสริมคอลลาเจน” เติบโตอย่างเห็นได้ชัด จากการเข้ามาของคอลลาเจนแบรนด์ใหม่ๆ ที่เข้ามาปลุกตลาดเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ปัจจุบันมูลค่า รวมของตลาดคอลลาเจนทั้งแบบเม็ด แบบเจล แบบชงดื่ม หรือแบบเครื่องดื่ม มีมูลค่าประมาณ 2 พันล้านบาท ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจนชนิดชงดื่มถือเป็นอีกตลาดหนึ่งที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

++ตลาดความงามยังคงเติบโตตามการพัฒนาของนวัตกรรมของผู้ผลิต ที่คิดค้นสินค้าที่ตอบรับความต้องการที่หลากหลายขึ้น “วิทวัส กิจจาธิป” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลักส์มิน จำกัด กล่าวว่า หนุ่มสาวสมัยนี้กลัวแก่ ฉะนั้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเครื่องสำอางและอาหารเสริมสามารถตอบโจทย์ได้ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะสั่งผลิตเป็นประเภทอาหารเสริมเพื่อผิวขาวขึ้น ลดริ้วรอย และลดน้ำหนัก ยังมาแรงมากอยู่

++ส่วนอาหารเสริมคอลลาเจนยังคงมีอยู่ต่อไป ถ้าตลาดไม่เสียเพราะมีคนเอาคอลลาเจนปลอมมาจำหน่าย เทรนด์ต่อไปจะเป็นเรื่องของการต่อยอดส่วนผสม หรือสารตัวใหม่ลงไปในคอลลาเจนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่อัตราการเติบโตจะน้อยลงเพราะในตลาดจะมีผู้เล่นเข้ามามาก ปัจจุบันมีลูกค้าที่สั่งผลิตอาหารเสริมคอลลาเจนกว่า 100 ราย

++”สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีแบรนด์อยู่แล้ว ควรจะเสนอเรื่องนวัตกรรมใหม่ๆ หรือวัตถุดิบใหม่ๆ ที่อยู่ในกระแสมาสร้างสินค้าที่แตกต่างจากยี่ห้ออื่น เมื่อรู้แล้วว่าต้องการขายสินค้าในปริมาณ และราคาที่จะเสนอขายต่อกลุ่มลูกค้า เช่น คอลลาเจนอย่างดีมีต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 20 บาทต่อซอง นำมาใส่กล่องขาย กล่องละ 30 ซอง จำหน่ายราคา 2,400-2,500 บาท โรงงานก็จะมีหน้าที่ในการคุมต้นทุนการผลิต โดยยังคงรักษาคุณภาพไว้ให้ดี ออกสูตรอาหารเสริมใหม่ๆ มาให้ลูกค้าเลือกอย่างน้อยเดือนละ 1 สูตร เพื่อเป็นการช่วยผู้ลงทุนพัฒนาสินค้าไปในตัว”

++ ธุรกิจความงามตามเทรนด์ของโลกที่จะกลับคืนสู่ “ธรรมชาติ” โดยเฉพาะสมุนไพร กำลังได้รับความสนใจสูง หากผู้ประกอบการไทยสามารถประยุกต์นำสมุนไพรผนวก เทคโนโลยีในกรอบภูมิปัญญาไทย สร้างเอกลักษณ์ ของเครื่องสำอางไทยได้ จะทำให้เกิดสินค้าใหม่ๆ ที่สร้างโอกาสทางการตลาดได้